ดูเหมือนว่ากระแสการร่วมลงของราคาเหรียญ SUSHI อย่างรุนแรงในขณะนี้กำลังจะเป็นกระแสในวงการคริปโตทั่วโลกแล้ว หลังจากที่ทางผู้ก่อตั้ง platform SushiSwap ได้ออกมาเผยว่าตัวเขานั้นได้ทำการเทขายเหรียญที่ตัวเองเสกขึ้นมาทั้งหมดมูลค่ารวมกว่า 12 ล้านดอลลาร์ และราคาก็ได้ร่วงลงถึง 60% จนส่งผลทำให้นักลงทุนเหรียญดังกล่าวต้องรู้สึกคับแค้นใจอย่างมาก จนล่าสุดนั้นได้มีบางคนเริ่มออกมาชี้เป้าว่าใครคือผู้สร้างเหรียญดังกล่าวตัวจริงกันแน่
ความเกลียดชังที่มีบ่อเกิดมาจากความโศกเศร้าและโมโหโกรธาที่ราคาเหรียญดังกล่าวล่วงจนส่งผลทำให้นักลงทุนเหล่านั้นต้องขาดทุนย่อยยับนั้นทำให้พวกเขาเริ่มมองหาที่ระบายแล้ว และดูเหมือนว่าล่าสุดผู้ที่เป็นเหยื่อของที่ระบายนั้นจะไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญฝีมือคนไทยชื่อดังอย่าง Band Protocol นั่นเอง
โดยอ้างอิงจาก twitter ส่วนตัวของนาย Sorawit Suriyakarn หรือ CTO ของเหรียญ Band Protocol นั้น เขาได้ออกมาทวิตข้อความปฏิเสธหลังจากที่มีคนออกมากล่าวหาว่าเขาคือ Nomi Chef หรือผู้ก่อตั้ง platform และเหรียญ SUSHI พร้อมชี้ว่านี่เป็นการก้าวก่ายและโจมตีที่ตัวบุคคลมากเกินไป
“เรามาเคลียร์ความเข้าใจกันหน่อย ผมไม่ใช่ nomograph มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากและเป็นเรื่องที่น่าขันที่ผู้คนออกมากล่าวหาในเรื่องดังกล่าวนี้ นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการจู่โจมที่ตัวบุคคลซึ่งนั่นก็คือผมและการโจมตี Band เลย”
“การที่ผมออกมาส่งเสริม platform SushiSwap นั้นไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นผู้ก่อตั้งมัน นอกจากนี้มีผู้คนหลายพันก็ให้การสนับสนุน project ดังกล่าวและรวมถึงผู้คนจากชุมชน Ethereum อีกด้วย”
เมื่อวันนี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าราคาของเหรียญ SUSHI นั้นร่วงลงอย่างรุนแรงกว่า 60% หลังจากที่ผู้สร้างเหรียญดังกล่าวหรือ Nomi Chef (ที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าใครคือตัวจริง) ได้ออกมากล่าวว่าเขานั้นได้ทำการเทขายเหรียญดังกล่าวไปจนไม่เหลือแล้วโดยรวมเป็นมูลค่ากว่า 12 ล้านดอลลาร์และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ราคาของเหรียญดังกล่าวร่วงอย่างรุนแรง
ภายหลังจากการเทขายนั้นเขาก็ได้ออกมาทวีตเพื่อพยายามแก้ตัวโดยกล่าวว่าเขาเลิกสนใจเรื่องราคาแล้วและจะไปโฟกัสในด้านเทคนิคและเหรียญที่เขาเทขายนั้นถือเป็นส่วนแบ่งรางวัลที่พัฒนาทำการแชร์มาให้เขา
โปรเจคดังกล่าวถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาโดยอ้างว่าเป็นการ hardfork แยกออกมาจาก Uniswap แต่ต้องการที่จะจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนสูงกว่า แต่ดูเหมือนว่าในขณะนี้ผู้คนจะได้เห็นธาตุที่แท้จริงของพวกเขาแล้ว
ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าพวกเขาจะแก้เกมอย่างไร และจะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มต่อหรือไม่ แต่ที่แน่ๆก็คือในขณะนี้พวกเขาได้สูญเสียความเชื่อใจไปจากกลุ่มชุมชนนักลงทุนแล้ว