<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำไมความล้มเหลวของการบริหารประเทศของรัฐบาลทั่วโลกจะเป็นเชื้อเพลิงให้ราคา Bitcoin ทะยานต่อ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารประเทศของรัฐบาลกับเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ควบคู่กับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกลไกลระบบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลผ่านทางเศรษฐกิจ, การใช้จ่าย และการลงทุน

เมื่อเกิดความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจในประเทศ จึงเป็นธรรมดาที่จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ หันไปพึ่งพาเอาตัวรอดกับทรัพย์สินทางเลือกอื่น เช่น ตลาดหุ้นต่างประเทศ ทองคำ หรือแม้กระทั่งทรัพย์สินดิจิตอลแห่งโลกอนาคตอย่าง Bitcoin

Bitcoin เป็นตัวเลือกของประชาชนในการเอาตัวรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ

มีปัจจัยมากมายที่จะเป็นเชื้อเพลิงให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความกลัวของประชาชนต่อการบริหารประเทศที่ผิดพลาด เช่น การขาดความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล, การสูญเสียมูลค่าของค่าเงิน, และข้าวของในประเทศที่มีราคาแพงขึ้น 

จึงทำให้ผู้คนที่เคยเชื่อมั่นในตัวเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลเลือกที่จะเปลี่ยนสินทรัพย์เหล่านั้นไปเป็น Bitcoin เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤตดังกล่าว และเราก็เคยเห็นเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศเวเนซูเอล่า และอาร์เจนตินา

เงินอัดฉีดในระบบเศรษฐกิจที่มากเกินไปส่งผลต่อราคา Bitcoin

จากการที่ประเทศผู้นำของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาประกาศอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน อันเนื่องมาจากวิกฤตโรคระบาด COVID-19 จึงทำให้มีนักลงทุนบางส่วนเริ่มที่จะกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่มาพร้อมกับนโยบายการแก้ปัญหาดังกล่าว

การพิมพ์ธนบัตรออกมาของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เพื่อช่วยอุ้มเศรษฐกิจภายในประเทศจากความล้มเหลวของการบริหารโดยรัฐบาล ส่งผลทำให้มีผู้คาดการณ์ว่า จะมีเงินในระบบมากเกินไป มูลค่าของทรัพย์สินต่าง ๆ จะด้อยค่าลงเรื่อย ๆ นำไปสู่การเกิดสภาวะเงินเฟ้อ (Inflation)

ปัญหาที่เกิดจากความพยายามในการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงส่งผลทำให้มีนักลงทุนบางกลุ่มเริ่มมองการณ์ไกลถึงภาวะเงินฟ้อที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเริ่มมองหาสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin และ Cryptocurrency เพื่อ Hedge (ป้องกันความเสี่ยง) 

การกระโดดเข้ามาของนักลงทุนสถาบันจะช่วยเพิ่มมูลค่าตลาด Bitcoin อย่างมหาศาล

Bitcoin ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของโลกยุคใหม่ จนหลายคนให้นิยามว่าเป็น “ทองคำดิจิตอล” เริ่มเป็นที่สนใจของสถาบันยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เพื่อเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของ จะเห็นได้จากการที่ก่อนหน้านี้บริษัทด้านการลงทุนระดับโลกอย่าง MicroStrategy และ Square กระโดดเข้ามาซื้อ Bitcoin เป็นมูลค่ารวมกันเกินกว่า 500 ล้านดอลลาร์

การตัดสินใจเข้าซื้อของพวกเขาเหล่านั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกอย่างดีว่าวงการ Cryptocurrency นั้น ได้มาถึงจุดที่นักลงทุนสถาบันต้องกระโดดเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

นอกจากนี้บริษัทด้านระบบการจ่ายเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก Paypal ก็ออกมาประกาศเตรียมนำเหรียญ Cryptocurrency มาใช้บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ส่งผลให้ราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2020 ที่ 13,000 ดอลลาร์ ทำให้เม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่ตลาด Bitcoin พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสถาบันอื่น ๆ และนักลงทุนรายย่อยทั่วไปว่า Bitcoin นั้นเป็นสกุลเงินที่ทั่วโลกต่างก็ให้การยอมรับกันอย่างมากในขณะนี้

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า Bitcoin หรือ “ทองคำดิจิตอล” เริ่มเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวางจะเห็นได้ชัดจากการตื่นตัวของสถาบัน การธนาคาร หรือนักลงทุน ที่นำเม็ดเงินเข้าสู่ Bitcoin มากขึ้น หากการเข้ามาของพวกเขาเหล่านี้เล็งเห็นถึงโอกาสในอนาคต ท่ามกลางอดีตแห่งความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองของหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงอาจทำให้เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าในอนาคตมูลค่าตลาดและราคาของ Bitcoin อาจจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้ คุณก็สามารถเริ่มป้องกันความเสี่ยงจากความล้มเหลวของเศรษฐกิจทั่วโลกได้ด้วยการซื้อ Bitcoin

แล้วคุณล่ะ มี Bitcoin ถือไว้ในมือกี่เหรียญแล้ว?

ขอบคุณภาพที่มา Post Today