<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สื่อด้านการเงินระดับโลก Bloomberg คาด ราคา Bitcoin จะพุ่งแตะระดับ 180,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่ราคา Bitcoin กำลังทำท่าทีเหมือนว่าจะร่วงลงอยู่นั้น นักวิเคราะห์บางรายดูเหมือนว่าจะยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับราคา Bitcoin และเชื่อว่ามันจะมีมูลค่าเป็นตัวเลข 6 หลักภายในสิ้นปีหน้า

เมื่อไม่นานมานี้นาย Mike McGlone นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ระดับอาวุโสของ Bloomberg กล่าวว่า Bitcoin อาจกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะมุ่งไปสู่ตัวเลขระดับหกหลักขึ้นไป

ในระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งใหม่กับ Bloomberg TV นักวิเคราะห์ในตำนาน McGlone ได้ทำการประเมินผลตอบแทนในอดีตของ Bitcoin และเผยสิ่งที่อาจบ่งบอกถึงวิถีราคาของเหรียญคริปโตเบอร์หนึ่งในปี 2021

“แม้ว่าในระยะสั้นระดับ 20,000 ดอลลาร์จะเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง แต่ผมเชื่อว่าในท้ายที่สุด Bitcoin จะผ่านมันไปได้เช่นเดียวกับทองคำ โดยก่อนหน้านี้ทองคำได้พุ่งขึ้นทำลายสถิติสูงสุดเดิม ก่อนที่จะพุ่งแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ และเข้าสู่ช่วงขาขึ้นนับตั้งแต่นั้นมา

สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้เกี่ยวกับ Bitcoin ในปีนี้ก็คือ มันเพิ่งจะเพิ่มตัวเลขหนึ่งหลักที่ด้านหน้าของมัน โปรดจำด้วยไว้ว่าเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 7,000 ดอลลาร์เท่านั้น และในปีหน้าผมเชื่อว่ามันจะสามารถเพิ่มศูนย์ที่ด้านหลังราคาในปัจจุบันได้”

จากการคาดการณ์ของ McGlone ราคา Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าภายในช่วงสิ้นปี 2021โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 180,000 ดอลลาร์

ยิ่งไปกว่านั้น McGlone ยังได้เน้นย้ำถึงคุณสมบัติบางอย่างของ Bitcoin ที่อาจบ่งชี้ได้ว่าเหรียญคริปโตอันดับหนึ่งของโลกนั้นจะปรับตัวพุ่งขึ้นแบบพาราโบลาในปีที่กำลังจะมาถึง โดยเขาชี้ให้เห็นถึงความผันผวนของราคา Bitcoin กำลังเริ่มลดน้อยลง แม้จะเทียบกับตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมก็ตาม

“Bitcoin กำลังจะกลายเป็นทองคำในรูปแบบดิจิทัล ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ก็คือ ความผันผวนของ Bitcoin นั้นกำลังลดน้อยลง ในความเป็นจริงมันลดลงต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อเทียบกับทองคำ ความผันผวนราย 180 วันของ Bitcoin เทียบกับดัชนี Nasdaq นั้นต่ำกว่า Nasdaq อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นทุกสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทุกตัวบนโลกจึงมีความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับ Bitcoin”

นาย McGlone กล่าวว่า วัฏจักรช่วงขาขึ้นที่ผ่านมานั้นได้รับแรงหนุนจากความกลัวของนักลงทุนรายย่อยที่กลัวว่าจะตกรถ (FOMO) เป็นหลัก แต่รอบนี้มันอาจแตกต่างออกไป โดยเขาคาดว่ามันได้รับแรงหนุนจากตลาด Wall Street เป็นแรงผลักดันที่ช่วยในการขับเคลื่อนราคา