<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 สาเหตุที่นักเทรด Bitcoin ยังคาดว่าราคาจะพุ่งสูงไปได้ต่อ หลังทำจุดสูงสุดที่ $24,000

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคาของ Bitcoin (BTC) ได้พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยจุดสูงสุดที่ราคาดังกล่าวนั้นคาดว่าจะมีการไซด์เวย์ลงมาที่ระดับ 23,500-23,800 ดอลลาร์

3 ปัจจัยที่ทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้นประกอบไปด้วยการ short squeeze (เพราะมีคนเปิด short มากเกินไป ราคาจึงเด้งสวน), การมีออเดอร์ขายที่ระดับ 23,600 ดอลลาร์เป็นจำนวนมาก และรวมถึงความตื่นตระหนกของนักเทรดในสหรัฐฯ ต่อข่าวการออกกฎกำกับกระเป๋าเก็บเหรียญคริปโตของประชาชนของกระทรวงการคลังในประเทศ

การ Short squeeze เกิดขึ้นอีกครั้งที่ราคา 23,600 ดอลลาร์

โดยอ้างอิงจาก Bybt.com นั้นเผยว่ามีสัญญาเปิด short ที่ถูกล้างพอร์ทมูลค่าราว ๆ 138 ล้านดอลลาร์เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา

การล้างพอร์ทของผู้ที่เปิด short นั้นเกิดขึ้นท่ามกลางการพุ่งขึ้นทะลุระดับ 23,600 ดอลลาร์ของราคา Bitcoin โดยระดับราคาที่ 23,600 ดอลลาร์นี้ถือเป็นแนวต้านสำคัญอย่างมาก เนื่องจากว่าเราได้เห็นออเดอร์การขายที่ระดับราคา 23,600 ดอลลาร์เป็นจำนวนมากบนหลาย ๆ เว็บเทรด

ข้อมูลของการถูกล้างพอร์ทจาก Bybt.com

สำหรับบนเว็บ Bitfinex นั้นเราได้เห็นออเดอร์การตั้งขายที่ระดับแนวต้านราคา 23,600 ดอลลาร์และ 23,800 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาจะทะยานขึ้นอย่างรุนแรง โดยส่งผลทำให้ผู้ที่เปิด short ในระดับแนวต้านดังกล่าวนี้ถูก squeeze จนล้างพอร์ทไปหลายราย

โดยปกติแล้วการ short squeeze นั้นเกิดขึ้นเมื่อนักเปิด short จำใจต้องยอมปิด position ด้วยการซื้อคืนที่ราคาแพงกว่าเนื่องจากว่าราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น และนี่ส่งผลทำให้ความต้องการในตัว Bitcoin ในตลาดนั้นเพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ และมักจะทำให้เกิดการ breakout ของราคาเป็นขาขึ้นในช่วงสั้น ๆ

ตลาดไม่หวั่น แม้เจอข่าวลบจากคลังสหรัฐฯ

เมื่อวานนี้เลขาฯ คลังของสหรัฐฯ นาย Steven Mnuchin ได้ออกมาเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมและกำกับกระเป๋าเก็บเหรียญคริปโตของประชาชน

โดยกฎดังกล่าวนั้นมีขึ้นเพื่อทำการติดตามการถอนและฝากเงินที่มีมูลค่ามากกว่า 3,000 ดอลลาร์ขึ้นไป โดยมีแหล่งที่มาฝากเงินจากกระเป๋าที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และหากการทำธุรกรรมนั้นมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ เว็บผู้ให้บริการกระเป๋าจะต้องรายงานต่อหน่วยงาน Financial Crimes Enforcement Network (FinCEN) โดยตรง

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญนั้นคาดการณ์ว่ากฎดังกล่าวอาจฟังดูไม่ได้ย่ำแย่เหมือนที่หลาย ๆ คนคิด และดูเหมือนว่าราคา Bitcoin ในตลาดนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ต่อข่าวดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย

นาย Jake Chervinsky หรือที่ปรึกษาจาก Compound Finance กล่าวว่า

“ลองมองดูในแง่ดีของมันบ้าง ร่างกฎหมายนี้ไม่ได้เป็นการให้ทุก ๆ คนต้องทำการ KYC กับกระเป๋าส่วนตัว แต่เป็นการบังคับบริษัทผู้ให้บริการด้านกระเป๋าเก็บคริปโตต่างหาก มันไม่ได้เป็นการออกมาป้องกันการใช้เหรียญในเครือข่าย ที่ถ้าหากมีขึ้นจริงมันจะแย่กว่านี้อีกมาก”

แม้ว่าข่าวดังกล่าวจะไม่ได้ดูย่ำแย่อะไร แต่นักเทรด Bitcoin ก็คาดหวังว่าราคาของมันนั้นอาจจะมีการปรับตัวลงไปเล็กน้อย เนื่องจากว่าขาขึ้นที่มีติดต่อกันมานานโดยไม่ได้พัก

นาย Scott Melker หรือนักเทรดคริปโตมืออาชีพกล่าวว่าค่า Relative Strength Index (RSI) ของ Bitcoin บนกราฟ 4 ชั่วโมงนั้นดูเหมือนว่าจะเกิดการ overbought แล้ว และอาจจะเกิดเหตุการณ์ bearish divergence ได้ เขากล่าวว่า

“ผมปิด long ของ BTC ไปแล้ว การเกิด overbought และ bear div นั้นดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้รับการการันตีว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ผมอยากจะเปิด long เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส โดยเฉพาะตอนที่ราคามีการร่วงลงมาทดสอบจุดแนวรับที่ all time high”