<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เผยความเห็นผู้ก่อตั้ง 3 เว็บเทรดในไทย หลังก.ล.ต.เสนอจำกัดรายได้นักลงทุนที่ 1 ล้านบาทต่อปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่ทางสยามบล็อกเชนได้มีการรายงานเกี่ยวกับ แถลงการณ์ของก.ล.ต. ที่ออกมาประกาศเปิดรับฟังความเห็นของนักลงทุนสำหรับ กฎเกณฑ์การจำกัดรายได้นักลงทุนที่ 1 ล้านบาทต่อปีไปนั้น ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก 

ด้วยเหตุนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงได้มีการไปสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งเว็บเทรดคริปโตในไทยทั้ง 3 เจ้าอย่าง Bitkub, Satang pro และ Zipmex ว่าพวกเขามีมุมมองความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ใหม่นี้อย่างไร 

ผู้ก่อตั้งเว็บเทรด Bitkub คุณต้น สกุลกรย์ สระกวี

เริ่มกันที่ท่านแรก คุณต้น สกลกรย์ สระกวี ผู้ก่อตั้งและเป็น CEO ของบริษัท Bitkub Online Co., Ltd. และ Bitkub Blockchain Technology Co., Ltd.  

คุณต้น มีความคิดเห็นอย่างไรกับการเสนอฏเกณฑ์ให้มีการจำกัดเงินของนักลงทุนคริปโตในไทย ที่ต้องมีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านต่อปี

จุดประสงค์ของ Hearing หลักการสำคัญคือ การคุ้มครองนักลงทุนจากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ลงทุน ซึ่งผมถือเป็นเรื่องดีและเห็นด้วยเป็นอย่างมากกับจุดประสงค์

แต่ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ทาง ก.ล.ต. จะนำมาปรับใช้ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาหลายด้านที่ผมค่อนข้างกังวลเป็นอย่างมาก

ผมเชื่อว่าทาง ก.ล.ต. กำลังคิดว่ากฏเกณฑ์ในครั้งนี้กำลังจะช่วยปิดกั้นโอกาสไม่ให้นักลงทุนที่มีรายได้น้อยกว่า 1 ล้านบาท มาลงทุน และจะช่วยทำให้เป็นการปกป้องความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันจะไม่ได้ช่วยลดจำนวนคนที่จะเข้ามา หรือลดปัญหาความเสี่ยงลงเลย เพราะโลก internet หรือโลก Social สมัยนี้มันไม่ต้องไปคอยหา แต่มันจะมาคอยป้อนถึงที่ ซึ่งจะมี exchange ต่างประเทศ ทั้ง Scam และไม่ Scam สามารถฝากถอนเงินบาท ซื้อผ่านระบบ P2P ได้โดยง่าย มีทั้งแชร์ลูกโซ่ คริปโต หลอกลงทุน ICO ผลตอบแทนสูง ให้ Yield สูง สร้างเหรียญ scam บน exchange scam โดยโฆษณาผ่าน Facebook ผ่าน Youtube มีสอนวิธีการใช้งาน สอน วิธีการเทรด มากมาย มันกำลังจะยิ่ง ผลักให้นักลงทุนกลุ่มเหล่านี้ ไปเสี่ยงกับแหล่งการลงทุนใหม่ที่ไม่ได้ถูกต้องตามกฏหมาย ไปเทรดไปเสี่ยงกันเอาเองตามมีตามเกิด เกิดปัญหาตามมามากขึ้น และเพิ่มปัญหาเพิ่มงานให้กับหน่วยงานอื่นๆ เช่น DSI หรือตำรวจในการฟ้องร้องดำเนินคดี

คุณต้นคิดว่ากฏเกณฑ์นี้จะส่งกระทบผลกระทบอย่างไรในระยะยาว

สำหรับปัญหาระยะยาว หากเมื่อ ก.ล.ต ได้ผลักกลุ่มคนเหล่านี้ออกไป ซึ่งจะทำให้ตลาด black market คึกคัก เพราะมี volume มากเพียงพอ ในการให้มิจฉาชีพในการทำสิ่งไม่ดีต่างๆ อยู่ในตลาดมืด ตลาดนอกกฏหมาย ตลาดที่ควบคุมไม่ได้ เกิดปัญหาฟอกเงิน ช่องทางอาชญากรรมลักทรัพย์ ลักพาตัว การไปหลอกขายสินค้า ให้คนอื่นโอนเงินแล้วมารับ bitcoin แทน ไม่สามารถตรวจสอบได้อีกต่อไป

คุณต้นคิดว่าหากข้อเสนอนี้มีผลบังคับใช้จริง Bitkub จะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

Bitkub ในฐานะ ผู้ประกอบการณ์ในไทย ที่ได้ License ของกระทรวงการคลัง และ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมที่จะเป็นผู้ที่จะให้ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนกับนักลงทุน และเลือกเหรียญที่มีคุณภาพมาให้กับนักลงทุนได้ซื้อขายลงทุนอยู่แล้วครับ

แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า เราจะไม่สามารถช่วยเหลือ หรือให้บริการ กลุ่มบุคคลที่มีรายได้ไม่ถึง 1 ล้านบาทต่อปีได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกเค้ากำลังจะไปเผชิญกับอะไร กำลังจะออกนอกระบบ หรือจะถูกหลอกให้ไปลงทุนในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ ผมเสียดายเหลือเกินครับ ประเทศไทยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งในอดีต ที่รัฐไทยไม่ค่อยให้การสนับสนุนบริษัท Tech startup ไทยเท่าที่ควร เราอยากมี Tech Giant แต่เปิดอ้ารับต่างชาติ ส่วน Tech ไทยก็ต้องสู้โดยที่มีข้อจำกัดต่างๆ มากมาย

วันนี้พวกเรา Bitkub มีความฝัน มีความหวังที่จะเป็นบริษัท Unicorn ตัวแรกๆ ของประเทศนี้ Exchange เป็นแค่จุดเริ่มต้นแรกที่พวกเราจะทำ ยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเราจะต้องทำเพื่อประเทศนี้ และเพื่อคนไทย พวกเราจะไม่ท้อไม่หยุดจนกว่าจะสำเร็จ

ผู้ก่อตั้งเว็บเทรด Zipmex คุณแบงค์ เอกลาภ ยิ้มวิไล

ถัดมา เป็นคุณแบงค์ ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล CEO มากประสบการณ์แห่ง Zipmex ผู้ผลักดันวงการคริปโตในไทยไปสู่สากลที่ได้ร่วมให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ใหม่นี้ด้วยเช่นกัน

คุณแบงค์ มีความคิดเห็นอย่างไรกับการเสนอฏเกณฑ์ให้มีการจำกัดเงินของนักลงทุนคริปโตในไทย ที่ต้องมีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านต่อปี

ผมคิดว่าการจำกัดการลงทุนของนักลงทุนที่จำนวนเงินเนี่ย เป็นสิ่งที่ผมยังรู้สึกไม่เห็นด้วยครับ เพราะว่าขนาดสินทรัพย์อย่างเช่น หุ้น ซึ่งบางครั้งบางทีก็มีความผันผวนมากกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่ได้มีการจำกัดการลงทุนหรืออาจจะมีการจำกัดในหลักทรัพย์ในบัญชี cash balance แต่สินทรัพย์ดิจิทัลมันก็ถือว่าเป็นบัญชี cash balance ทั้งหมดอยู่แล้ว 

คุณแบงค์ คิดว่ากฏเกณฑ์นี้จะส่งกระทบผลกระทบอย่างไรในระยะยาว

แน่นอนว่าเงินในไทยจะไหลออกไปนอกประเทศเช่น Exchange คริปโตอื่น ๆ มากขึ้น นักลงทุนจะหาทางโอนเงินบาทไปเทรดในช่องทางอื่น ๆ เช่น OTC และเราอาจจะได้เห็นผู้ประกอบการในประเทศไทยที่เป็น Exchange ในไทยทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลไปยัง Exchange ต่างประเทศกันมากขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ มันจะมีพวกมิจฉาชีพที่มาทำหน้าที่ในส่วนตรงนี้กันเยอะมาก ๆ และนักลงทุนก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง

คุณแบงค์คิดว่าหากข้อเสนอนี้มีผลบังคับใช้จริง Zipmex จะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

สำหรับเรื่องนี้ ผมไม่เห็นด้วยกับการจำกัดจำนวนเงินของนักลงทุนที่ทางก.ล.ต. เสนอมานะครับ แต่ผมเห็นด้วยกับเรื่องที่ว่า คนที่จะเข้ามาลงทุนควรเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ แต่ความรู้ตรงนี้ เราต้องให้ความรู้กับพวกเขา เช่นก่อนเปิดบัญชีให้พวกเขาดูวีดีโอหรืออ่านบทความเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ใช่จำกัดเฉพาะกลุ่มคนที่มีความรู้ในการลงทุนมาอย่างน้อย 2 ปีหรือจำกัดจำนวนเงินของพวกเขา 

ผู้ก่อตั้งเว็บเทรด Satangpro คุณหนึ่ง ปรมินทร์ อินโสม 

สำหรับผู้ก่อตั้งเว็บเทรดคริปโตคนสุดท้ายก็คือ คุณหนึ่ง ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang Pro และผู้สร้างเหรียญ Firo เหรียญดิจิทัลสัญชาติไทยเหรียญแรกของประเทศ

คุณหนึ่ง มีความคิดเห็นอย่างไรกับการเสนอกฏเกณฑ์ให้มีการจำกัดเงินของนักลงทุนคริปโตในไทย ที่ต้องมีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านต่อปี

สำหรับเรื่องผมตอบแยกใน 2 มุมมอง ทั้งฝ่าย ก.ล.ต. และ ฝ่ายนักลงทุน 

คำตอบแรกในมุมของ ก.ล.ต. ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแล เป็น controller ที่มองว่า หากมีกรณีนักลงทุนได้รับความเสียหาย จะถือเป็นความบกพร่องของ ก.ล.ต.ที่ไม่กำกับ exchange ให้ดี นั่นหมายความว่าหากกฎเกณฑ์นี้มีผลบังคับใช้จริง นักลงทุนที่เข้ามาในตลาดคริปโตจะต้องเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาบ้างแล้ว และรู้ว่ามันมีความเสี่ยงสูงยังไง ดังนั้นข้อเสนอนี้จะช่วยลดปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับทางก.ล.ต.ในฐานะผู้กำกับดูแล และในขณะเดียวกฎเกณฑ์นี้ก็เป็นการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย  

คำตอบที่ 2 ผมตอบในมุมของนักลงทุนรายย่อย ว่าเมื่อนักลงทุนต้องการจะเทรดแต่ไม่ผ่านกฎเกณฑ์ของก.ล.ต. เขาก็จะไปหาทางเทรดกับ exchange ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของก.ล.ต. (นั่นคือความหมายของคำว่า exchange เถื่อน) ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่นักลงทุนจะสูญเสีย หาก exchange ปิดตัวหนี ซึ่งนักลงทุนรายย่อยก็จะต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นให้ได้ เพราะไม่ทำตามกฎของก.ล.ต.

ส่วนคำถามที่ว่าผมเห็นด้วยกับกฎเกณฑ์นี้หรือไม่? 

1.ผมไม่เห็นด้วยกับการกำหนดจำนวนเงิน เท่ากับเป็นการปิดกั้นโอกาส และเสรีภาพทางการเลือกลงทุน กลายเป็นว่ากฎนี้จะเอื้อให้กับคนมีเงินอยู่แล้ว เอื้อรายใหญ่ 

2.แน่นอนว่าผมอยากเห็นนักลงทุนเทรดอย่างมีความรู้ ที่ผ่านมา ถึงผมจะประกอบธุรกิจ Exchange แต่ผมได้นำข้อมูลต่างๆ มาแชร์ มาเตือนเรื่องการลงทุนอยู่เสมอ ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์และความปลอดภัยของสินทรัพย์ของผู้ลงทุนทุกท่านเอง และในปีนี้ สตางค์ ก็มุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านคริปโทเคอร์เรนซีอย่างมาก (วันนี้ ยังมีการจัดอบรมคอร์สปูพื้นฐานความรู้เหรียญดิจิทัลให้แก่นักลงทุน และมีแผนจัดคอร์สอบรมนี้อย่างต่อเนื่องทุกๆเดือน) 

คุณหนึ่ง คิดว่ากฏเกณฑ์นี้จะส่งกระทบผลกระทบอย่างไรในระยะยาว

ถ้ากฎนี้ออกมาจริง แปลว่าคนที่เทรดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะมีความรู้และมีความพร้อมในระดับหนึ่งแล้ว รวมถึงยอมรับความเสี่ยงในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ผมคาดว่าตลาดคริปโตอาจจะเปลี่ยนไปคล้าย ๆ กับตลาด Forex ที่ต้องเป็นสถาบันการเงินเท่านั้นถึงจะเทรดได้

คุณหนึ่งคิดว่าหากข้อเสนอนี้มีผลบังคับใช้จริง Satang pro จะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

ก็แน่นอนว่าถ้าออกมาจริง ทุก exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต ก็ต้องปฏิบัติตาม แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะไม่ได้เข้าไปชี้แจงหรือให้ความเห็นกับก.ล.ต. ก่อนที่จะมีการออกกฎนี้ อย่าลืมว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้น รับฟังความคิดเห็น เท่านั้น