เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมามีรายงานชวนเซอร์ไพรส์นักลงทุนชาวไทยให้ไม่ได้หลับนอนไปตาม ๆ กัน เมื่อมีรายงานว่าบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าทางบริษัทได้เข้าลงทุนใน Bitcoin เป็นจำนวน 122.3158 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.6 ล้านดอลลาร์ หรือ 200 ล้านบาท
ตามรายงานยังกล่าวอีกว่านอกเหนือจาก Bitcoin แล้วยังมีการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลชื่อดังอีกมากมายเช่น Ethereum, Binance Coin, Uniswap, Enjin และ Filecoin เป็นต้น ซึ่งเมื่อมีการรายงานข่าวเกิดขึ้นทำให้เกิดเป็นกระแสความสนใจในแวดวงการลงทุนอย่างครึกโครม
โดยทันทีที่ตลาดหุ้นไทย The Stock Exchange of Thailand (SET) ได้เปิดทำการ ราคาของหุ้นของบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ใช้ Ticker หรือชื่อย่อในตลาดว่า BROOK พุ่งชนซีลลิ่ง (Ceiling) ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ตามที่าง Siam Blockchain ได้รายงานไปในเช้าวันนี้
นั่นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เลยว่าการลงทุนใน Bitcoin ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างได้อย่างแน่นอน ซึ่งมันจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้
ความตื่นตัวของบริษัทอื่น ๆ และนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากเคสตัวอย่าง
ก่อนหน้านี้บริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง MicroStrategy, Tesla และ Square ได้เข้าลงทุนใน Bitcoin เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบให้กับอีกหลายบริษัทในการถือ Bitcoin แทนเงินสด ซึ่งในเวลาต่อมาบริษัทเหล่านั้นสามารถสร้างกำไรจากการลงทุนใน Bitcoin ได้เป็นกอบเป็นกำ
เช่นเดียวกันกับบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทแรกของไทยในการเปิดเผยรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าได้ทำการลงทุนใน Bitcoin สิ่งนี้จะเป็น “ชนวน” ที่ทำให้อีกหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เริ่มศึกษาและมีแนวโน้มที่จะลงทุน Bitcoin หรือซื้อเก็บไว้ใน Balance Sheet
การลงทุนดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการสร้างอิมแพคให้กับบริษัทอื่น ๆ ในตลาด แต่ยังส่งผลไปยังนักลงทุนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย จะเห็นได้จากวอลุ่มในการซื้อขายหุ้น BROOK ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากมีข่าวการเข้าซื้อ Bitcoin ของบริษัท
ทำให้ราคาหุ้น BROOK มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าตอบสนองกับข่าวอย่างทันที เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่านักลงทุนจำนวนมากให้ความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ปรับเปลี่ยนให้ทันยุคสมัยและเล็งเห็นถึงโอกาสกับ Bitcoin ในอนาคต
สุดท้ายแล้วผลดีนั้นจะตกอยู่กับตัวบริษัทอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นมูลค่าหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นตอบสนองตามข่าว กระแสความสนใจในตัวบริษัทเป็นที่แพร่หลาย เม็ดเงินจำนวนมากเข้ามาลงทุนในตัวบริษัทจากความเชื่อมั่น ไม่แน่บริษัทอาจทำกำไรได้จากการถือครอง Bitcoin อีกด้วย
ตลาดคริปโตถูกยอมรับมากยิ่งขึ้น เปิดโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ
เป็นที่ทราบกันดีว่าในปีนี้ตลาดคริปโตนั้นเติบโตเป็นอย่างมาก มีจำนวนผู้เปิดบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยแล้วมากกว่า 5 แสนบัญชี (8 มีนาคม 2564) ส่วนหนึ่งเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ที่มีการพูดถึงผลตอบแทนที่สูงและเป็นสินทรัพย์เก็งกำไรใหม่ที่คนไทยเพิ่งคุ้นหู
ซึ่งเมื่อมีการพูดถึงจากบุคคลสำคัญระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Elon Musk หรือ Mark Zuckerberg ทำให้ตลาดยิ่งเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้าง การที่บริษัทชั้นนำในไทยกระโดดเข้ามาในตลาดแห่งนี้แล้ว ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้เป็นเรื่องไม่ไกลเกินตัว
นักลงทุนที่เคยซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อาจนำเม็ดเงินบางส่วนมาลงทุนในคริปโต ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าบริษัทในไทยที่ทำการซื้อ Bitcoin เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากยิ่งขึ้น
เมื่อนั้นเม็ดเงินมหาศาลจากตลาดหุ้นจะถูกย้ายมายังตลาดคริปโตโดยปริยาย เพิ่มการเติบโตให้กับระบบนิเวศของคริปโตขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการก้าวเข้ามาตลาดคริปโตของบรรดาบริษัทชั้นนำในไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเราก็ได้เห็นไปแล้วว่าราคาหุ้นของบริษัทมีการตอบสนองอย่างทันที มีความตื่นตัวของนักลงทุน มีวอลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นในการซื้อขายหุ้นของบริษัท และกระแสที่นักลงทุนจะเข้ามาซื้อขายหุ้นอาจเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ต้องติดตามกันต่อไปว่าในอนาคตจะมีบริษัทใดที่เข้ามายังตลาดคริปโตแห่งนี้ และนักลงทุนจะตอบสนองต่อบริษัทที่ตนเองถือหุ้นอย่างไร คงเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วไปคาดเดาได้ไม่ยาก