<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Chia Network ปิดรอบการระดมทุน 61 ล้านดอลลาร์ด้วยการประเมินมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Chia Network ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนและสกุลเงินอัจฉริยะที่รู้จักกันดีในด้านการขุดโดยใช้พื้นที่ HDD และสามารถได้ระดมทุนได้กว่า 61 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงมากมายรวมถึง Andreesen Horowitz 

ปัจจุบันบริษัทที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโกมีมูลค่าสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ โดยมี Breyer Capital, Slow Ventures, True Ventures, Cygni Capital, NAval Ravikant, Collab + Currency และ DHVC เป็นนักลงทุนทั้งหมดในรอบการระดมทุนมูลค่า 61 ล้านดอลลาร์ 

นาย Gene Hoffman ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Chia Network ระบุว่า การระดมทุนครั้งล่าสุดจะช่วยเร่งการเติบโตของแพลตฟอร์ม “เราต้องการทำให้สกุลเงินดิจิทัลใช้จ่ายง่ายกว่าเงินสด” เขากล่าว Hoffman ยังบอกใบ้ด้วยว่าเงินระดมทุนดังกล่าวอาจนำไปสร้างบริษัทเพื่อระดมเงินทุนไปซื้อบริษัทอื่น (SPAC) หรือการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 

“เป้าหมายของเราคือ การเผยแพร่สู่สาธารณะอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันจะทำให้เกิดความชัดเจนในสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบของเราและอนุญาตให้ลูกค้าใช้สกุลเงินเพื่อป้องกันความผันผวนของตลาดสาธารณะซึ่งแตกต่างจากเหรียญอื่น ๆ”

Chia คืออะไร

แน่นอนว่า Chia นั้นแตกต่างจาก Bitcoin หรือ Ethereum ที่ต้องอาศัยกลไก proof of work ในการตรวจสอบการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ในทางกลับกัน Chia จะขึ้นอยู่กับ  proof of space-time ซึ่งมีหน้าที่คล้ายกับนักขุดเหมือง ในการส่งหลักฐานไปยังผู้ตรวจสอบธุรกรรม แต่ในกรณีนี้นักขุด Chia network จะใช้ solid-state drives (SSD) หรือ hard-drive (HDD) ในการจัดเก็บข้อมูลแทน

Chia เคลมตัวเองว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเครือข่ายที่ใช้การจัดเก็บข้อมูลนั้นใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องขุด GPU แบบดั้งเดิมหลายเท่า 

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่การเปิดตัวเครือข่ายหลักของ Chia Network ในวันที่ 19 มีนาคมของปีนี้ความต้องการไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลก็เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บางภูมิภาคมีรายงานว่ากำลังขาดแคลน HDD อย่างหนัก เนื่องจากนักขุดของ Chia Network กำลังผลักดันทำให้ HDD มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยจากหุ้นบริษัทผู้ผลิต HDD อย่าง Seagate และ Western Digital ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 31.52% และ 12.91% ตามลำดับ