<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Elon Musk โจมตี Bitcoin ว่าช้า แต่ลืมไปว่า Dogecoin ก็มีพื้นฐานมาจาก Litecoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Gabor Gurbacs ผู้อำนวยการฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck ได้แสดงความคิดเห็นบนทวีตล่าสุดของ Elon Musk ซึ่งเขามองว่า DOGE จะเหนือกว่าคริปโตเคอเรนซีที่ใหญ่ที่สุดสองสกุลทั้ง BTC และ ETH เนื่องจากความเร็วของชั้นฐานที่ช้าในการทำธุรกรรม

Gurbacs ได้เตือนชุมชนว่า เขามีความเห็นที่แตกต่างกับเหรียญ Doge ที่อาจจะไม่สามารถทำธุรกรรมได้เร็วกว่า Bitcoin และ Ethereum

นอกจากนี้ Samson Mow ซึ่งเป็น CSO จาก Blockstream แสดงความคิดเห็นที่คล้ายกันกับเขาอีกด้วย

DOGE ถูกขุดรวมกับ Litecoin นี่คือสิ่งที่หมายถึงอะไร?

ทั้ง Gurbacs และ Mow ได้เตือนซีอีโอของบริษัท Tesla ว่าเหรียญ meme ที่เขาโปรดปรานและตั้งใจที่จะทำให้ดีกว่า Bitcoin และ Ethereum นั้นมีปัญหาสำคัญ หลังจากการอัปเกรดครั้งใหญ่

ย้อนกลับไปในเดือนกันยายนปี 2014 เหรียญ Dogecoin เปลี่ยนไปใช้โปรโตคอลฉันทามติแบบ Proof-of-Work โดยใช้อัลกอริธึม Scrypt และยังถูกขุดร่วมกับเหรียญ Litecoin

นักพัฒนาของ DOGE จำเป็นต้องดำเนินการ hard fork เพื่อช่วยไม่ให้เหรียญมี hashrate ที่ลดลง รวมถึงโอกาสที่จะเกิดการโจมตี 51% ขั้นตอนนี้เกิดจากการที่รางวัลการขุด DOGE ลดลงอย่างรวดเร็วในขณะนั้น

นอกจากนี้ Dogecoin ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยการ hard fork แยกออกมาจาก Litecoin ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบากมาในช่วงแรก ซึ่งทาง Charlie Lee ผู้สร้างเหรียญ LTC เป็นผู้แนะนำให้รวมการขุดกับ LTC เพื่อช่วย DOGE ไว้ในตอนนั้น หลังจากนั้น hashrate ของ DOGE ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,500 เปอร์เซ็นต์ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน

การขุดเหรียญรวมกันสามารถทำได้สำหรับบล็อกเชนหลัก ซึ่งก็คือ Litecoin และบล็อกเชนย่อย อย่าง Dogecoin หากผู้พัฒนา DOGE ตัดสินใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน เกี่ยวกับความเร็วของการทำธุรกรรมและรางวัลของผู้ ขุด พวกเขาจะต้องทำการ hard fork ก่อน เพื่อหลีกหนีจากการรวมการขุดกับ LTC ไม่เช่นนั้นจะทำให้มีความเร็วการทำธุรกรรมที่ต่ำ

Ethereum มุ่งหน้าสู่ Proof-of-Stake อย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 Ethereum เริ่มเข้าใกล้จุดเปลี่ยนที่คาดการณ์ไว้มานาน โดยการเปลี่ยนแปลงไปสู่ ETH 2.0 และอัลกอริธึม Proof-of-Stake (PoS) แทน Proof-of-Work (PoW)

ในวันที่ 1 ธันวาคม เฟสศูนย์ของ ETH 2.0 ได้เปิดตัวและเหล่า  validators ได้เริ่มล็อก 32 ETH ขั้นต่ำไว้ในสัญญาการฝากเงิน จนถึงตอนนี้มีจำนวน ETH ที่ถูกล็อคมากกว่า 6 ล้านเหรียญ

นอกเหนือจากการเปลี่ยนบล็อกเชนจาก PoW เป็น PoS แล้ว การอัปเกรดครั้งใหญ่จะช่วยให้ Ethereum สามารถปรับขนาด เพิ่มจำนวนธุรกรรม และเพิ่มความเร็วในการตรวจสอบได้ด้วย

การอัพเกรด ETH ในลอนดอนจะมีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นขั้นตอนไปสู่การนำ Ethereum 2.0 ไปใช้

ที่มา: U.Today