ตลาด cryptocurrency ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก Bitcoin มีมูลค่าถึง 50,000 ดอลลาร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง Cardano ที่ปรับฐานมาอยู่บริเวณ 2.5 ดอลลาร์ โดยทำให้นักลงทุนต่างหมกมุ่นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามท่ามกลางความโกลาหลทั้งหมดใน Ethereum ตลาด NFT กลับได้รับความสนใจจากบริษัทบัตรเครดิตระดับโลกอย่าง วีซ่า (Visa) ที่เข้ามาซื้อ NFT อย่าง CryptoPunk #7610 จากคอลเลกชันของ Larva Labs โดยวีซ่าซื้อมันมาในราคา 150,000 ดอลลาร์ตามความตั้งใจที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรม NFT และบล็อกเชนที่กำลังเติบโต
Ethereum และ NFT มีความสำคัญอย่างไร?
ที่ผ่านมา Visa เปิดรับแนวคิดเรื่อง NFT และหาโอกาสมากมายจากทั้งสองฝ่าย ตามทฤษฎีแล้ว NFT มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในด้านความบันเทิง การค้าปลีก และโซเชียลมีเดีย โดยตลาด NFT ได้ดึงดูดการมีส่วนร่วมของผู้ใช้จำนวนมากภายในปีนี้
Visa ตระหนักดีว่าในอนาคตอาจจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นเพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้นและอำนวยความสะดวกในการซื้อขาย NFT อย่างราบรื่นโดยไม่มีตัวกลางในการแลกเปลี่ยน
ตอนนี้ตลาด NFT ส่วนใหญ่ยังคงถูกซื้อขายบนเครือข่ายของ Ethereum ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้ Ethereum นั้นอยู่ในยุคทองอย่างแท้จริง โดยวีซ่าอาจะเข้ามาในฐานะเครือข่ายการประมวลผลการชำระเงิน ซึ่งหมายถึงการบันทึกธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum เหมือนกับ Anchorage
ในขณะนี้หากวีซ่าต้องการเข้ามาขับเคลื่อนตลาด NFT อย่างแท้จริงอาจจะต้องพิจาณาถึงแนวคิดของระบบการชำระเงินแบบ centralized ในบัญชีแยกประเภทแบบ decentralized
Kosala Hemachandra CEO ของ MyEtherWallet แบ่งปันมุมมองที่คล้ายกัน โดยผู้บริหารอ้างว่า Ethereum เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนสถาบันมาโดยตลอด ตอนนี้กำลังขยายไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum และเขาเชื่อว่านักลงทุนสถาบันกำลังมองหาและเข้าใจถึงพลังของ DeFi ในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้พลังของ NFT สามารถแทนที่ปัญหาต่าง ๆ ในตลาดกระแสหลักที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของปลอม
อย่างไรก็ตามวีซ่าถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในด้านการชำระเงินระดับโลกมาแล้ว ซึ่งหากต้องการเข้ามาอยู่ในตลาด NFT อย่างแท้จริงนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการ NFT และ cryptocurrency เลยทีเดียว