<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ดัชนีความกลัวและความโลภของ Bitcoin ร่วงแตะระดับ ‘Extreme fear’ หลังราคาดิ่งทะลุ 40,000 ดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดัชนี Crypto Fear and Greed ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินความเชื่อมั่นของตลาดคริปโตได้ร่วงแตะระดับ 21 หรือโซน “Extreme fear” กลัวสุดขีดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

สัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ราคา Bitcoin ร่วงทะลุระดับ $40,000 เป็นครั้งแรกในช่วงเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มลดลง และดัชนี Crypto Fear and Greed บ่งชี้ว่าตลาดคริปโตกำลังอยู่ในโหมด “กลัวสุดขีด”

ดัชนีความโลภและความกลัวหรือ Crypto Fear and Greed เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินอารมณ์ของตลาดที่มีอิทธิพลต่อนักลงทุนในการซื้อ Bitcoin  โดยจะแบ่งอารมณ์ออกเป็น 3 อารมณ์หลัก ๆ ได้แก่ โลภ, กลัว และเป็นกลาง

ข้อมูลจาก Crypto Fear and Greed เผยให้เห็นว่า ระดับความกลัวสุดขีดอาจเป็นสัญญาณที่นักลงทุนเริ่มกังวลมากเกินไป และอาจหมายถึงโอกาสในการเข้าซื้อในราคาถูก แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อนักลงทุนโลภเกินไป ก็เป็นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดกำลังเตรียมกลับตัวไปสู่ช่วงขาลง

ราคาที่ปรับฐานอย่างรุนแรงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้นักวิจารณ์ Crypto บางคนเชื่อว่าตอนนี้ตลาดหมีได้อยู่กับเราแล้ว

ในขณะเดียวกันแฟนพันธ์ุทองคำอย่างนาย Peter Schiff ก็ได้ฉวยโอกาสนี้เผยคำคาดการณ์ของเขาว่า การเติบโตของเหรียญ Altcoins จะส่งผลทำให้เกิด “ฟองสบู่ คริปโต” ไปทั่วทั้งตลาด 

ในขณะที่ทางด้านเว็บเทรดคริปโตชั้นนำ Bitfinex เชื่อว่าปัญหาวิกฤตสินเชื่อของ Evergrande บริษัทอสังหายักษ์ใหญ่เบอร์สองของจีนจะส่งผลกระทบต่อเงินทุนสำรองของเหรียญ Tether ( USDT) และตลาด Crypto ในวงกว้าง 

อย่างไรก็ตามนาย Mike Novogratz ซีอีโอของ Galaxy Digital กล่าวให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เขายังไม่รู้สึก “วิตกกังวลใด ๆ” เว้นแต่ว่า BTC ร่วงต่ำกว่าระดับ $40,000 และ Ethereum ร่วงต่ำกว่าระดับ $2,800 :

“ตราบใดที่ [ระดับราคา] เหล่านั้นยังคงอยู่ ผมคิดว่าตลาดคริปโตอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับแนวโน้มขาขึ้นรอบต่อไป”  Novogratz กล่าว