<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

4 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจนนักเทรดไม่ทันตั้งตัว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เป็นการเริ่มต้นเดือนใหม่ได้อย่างน่าประทับใจสำหรับราคา Bitcoin ที่พุ่งทะลุระดับ $55,000 อย่างรุนแรงภายหลังจากขึ้นเดือนตุลาคมได้เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักเทรดต่างเบิกบานใจไปตาม ๆ กันโดยมีการคาดการณ์กันว่าตลาดได้กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับกระแสการ Hype ของเดือน “Uptober” 

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่สนับสนุนให้ตลาดคริปโตกลับมาคึกคัก วันนี้ทาง Siam Blockchain ได้รวบรวม 4 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีอะไรกันบ้างไปติดตามกันได้ในบทความนี้

ประธานก.ล.ต.สหรัฐฯ เผยไม่มีแผนที่จะแบนคริปโตตามข่าวลือ

ภายหลังจากที่ประเทศจีนได้เริ่มกวาดล้างเหมืองขุด Bitcoin อย่างจริงจังในประเทศและประกาศแบน Cryptocurrency เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างรุนแรงแตะระดับ $29,000 ซึ่งนั่นก็ตามมาด้วยข่าวลือที่ว่าสหรัฐฯ กำลังจะเดินหน้าแบนบรรดาสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกันกับประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่านี่อาจเป็นจุดจบขาขึ้นของ Bitcoin ในปีนี้

ทว่าล่าสุด Gary Gensler ประธานก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวว่าทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ไม่มีแผนที่จะแบนสกุลเงินดิจทัล อีกทั้งยังเผยว่าทางหน่วยงานมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบและปกป้องนักลงทุนจากการลงทุน

เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีที่ทำให้นักเทรดใจชื้นได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในทันทีแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือนที่ระดับ $55,555 แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Altcoin ตัวอื่น ๆ จะยังคงมีท่าทีที่ไม่สู้ดีนักเนื่องจากส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin (BTC Dominance) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดที่ระดับ 39% เมื่อเดือนที่แล้วสู่ 45% ในขณะนี้

Brazil เดินหน้าเสนอร่างกฎหมายรับ Bitcoin ให้สามารถใช้ชำระเงินได้ตามกฎหมาย 

Brazil กลายเป็นประเทศล่าสุดที่กำลังเดินหน้าเสนอร่างกฎหมายให้ Bitcoin สามารถใช้ชำระเงินได้ภายในประเทศ โดยร่างกฎหมายฉบับที่ 2.303/15 เป็นร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำให้คริปโทเคอร์เรนซีในประเทศถูกกฎหมาย เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อบ้าน รถ อาหาร ได้โดยการใช้คริปโทเคอร์เรนซีหรือสกุลเงินดิจิทัล

ซึ่งส.ส. Aureo Ribeiro ได้กล่าวถึงการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า

“เราได้มีการปรึกษาหารือกันมานานนับปีก่อนที่จะเสนอออกมาเป็นร่างกฎหมาย เนื่องจากจะต้องมีการร่วมมือกันของธนาคารกลางและก.ล.ต. เพื่อให้ Bitcoin หรือ Cryptocurrency พวกนี้ได้รับการยอมรับจากทางภาครัฐ และแน่นอนว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับการอนุมัติ ประเทศอื่นสามารถนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลถูกกฎหมายได้”

สิ่งนี้เองทำให้ความคึกคักของตลาดคริปโตและราคา Bitcoin กลับมาโดดเด่นอีกครั้งเหมือนกับที่ประเทศเพื่อนบ้านในโซนเดียวกันอย่างเอลซัลวาดอร์ประกาศใช้งาน Bitcoin ภายในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

โดยก่อนหน้านี้ Brazil ได้กลายเป็นประเทศแรกในแถบละตินอเมริกาที่อนุมัติ Bitcoin ETF ซึ่งเปิดตัวโดย QR Asset Management ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรียกได้ว่ากระแสการยอมรับ Bitcoin ในประเทศแถบละตินอเมริกาเริ่มมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงจากความกังวลด้านเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นการปรับฐานอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลกนำโดยดัชนี Dow  Jones ที่ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดในเดือนกันยายนกว่า 3% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nashdaq มีการร่วงลงกว่า 4% และ 5% ตามลำดับ ซึ่งสวนทางกับราคา Bitcoin ที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 40% จากจุดต่ำสุดในเดือนกันยายน

อ้างอิงกราฟราคาเปรียบเทียบดัชนี Dow Jones, S&P500 และ Nashdaq

ซึ่งในช่วงที่ตลาดคริปโตซบเซา ตลาดหุ้นต่างพากันดีดตัวทำ New High กันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่สังเกตุว่าในขณะนี้ที่ตลาดหุ้นชั้นนำทั่วโลกมีการปรับฐานและราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจมีสาเหตุมาจากเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดคริปโต ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลด้านวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังคงเป็นปัญหาในปัจจุบัน อีกทั้งค่าเงินเฟ้อในระยะยาวทำให้มีการเทขายพันธบัตรรัฐบาลออกมาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่เม็ดเงินเหล่านั้นจะไหลออกมาสู่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดในปีนี้อย่าง Bitcoin ประกอบกับ IMF ได้ประเมิน GPD การเติบโตของเศรษฐกิจโลกว่าจะเติบโตต่ำกว่า 6% จากความกังวลด้านเงินเฟ้อและการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทั่วโลก

กระแสความบ้าคลั่งในเดือน “Uptober” ของสาวกคริปโต

หลังจากผ่านพ้นเดือนหายนะในเดือนกันยายนที่ผ่านมา สาวกคริปโตก็ดูจะมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากสถิติในอดีตได้บ่งชี้ว่าเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีโอกาสที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้ตลาดกลายเป็นสีเขียวขจีตลอดเดือน ซึ่งตรงกันข้ามกับเดือนกันยายนของทุกปีที่สถิติในอดีตชี้ว่าจะเป็นเดือนแห่งสีเลือดของตลาดคริปโต

อย่างไรก็ตามพอก้าวข้ามเข้ามาในเดือนตุลาคม หรือที่สาวกเรียกกันว่า “Uptober” ราคา Bitcoin และตลาดคริปโตก็ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หากอ้างอิงสถิติในอดีตจากชาร์ตราคาด้านล่างของ Bybt.com ย้อนกลับไปถึงปีที่เกิดการ Halving ครั้งแรก จะพบว่าทุกปีที่เข้าสู่เดือนตุลาคมตลาดจะเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง (ยกเว้นปี 2014 และ 2018 ที่เป็นขาลงหลังจากเหตุการณ์ Halving)

ซึ่งในปี 2017 ที่เกิดเหตุการณ์ Halving ครั้งที่ 2 และเป็นขาขึ้นรอบใหญ่นั้น ในเดือนตุลาคมมีการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin สูงถึง 47% เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่เป็นเพียงตัวเลขในอดีตที่ทางผู้เขียนหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง อ้างอิงข้อมูลจาก Bybt.com ไม่ได้การันตีว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นไปตามสถิติในอดีตไปทั้งหมด ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

ต้องติดตามกันต่อว่าตลอดเดือนตุลาคมนี้ ราคา Bitcoin และตลาดคริปโตจะเป็นไปในทิศทางใด นักเทรดควรวางแผนการลงทุนและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด