<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวปัญหาค่าธรรมเนียมแพงกำลังขัดขวางความเป็นผู้นำของ Ethereum ในระบบนิเวศ Defi

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ประเด็นการถกเถียงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในแง่ของการใช้งาน Ethereum กำลังร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลาง DeFi, Gamefi และ NFT ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

 ผลกระทบจากค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไปบนเครือข่าย การยืนยันธุรกรรมและการอัปเดตเครือข่ายที่ล่าช้า กำลังเริ่มสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้รายย่อย นักพัฒนาเทคนิค และนักลงทุนรายใหญ่

นักพัฒนาส่วนใหญ่บนเครือข่าย Ethereum ต่างพากันย้ายไปยังบล็อคเชนอื่น ๆ ของคู่แข่ง ซึ่งใช้ประโยชน์นี้เพื่อขยายการเข้าถึงและเพิ่มมูลค่าตลาดให้กับโปรเจกต์พวกเขา

Blockchains อื่น ๆ เช่น Solana, Binance Smart Chain และ Avalanche ได้เห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปีนี้ โดยเรียกตัวเองว่าเป็นเครือข่ายทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่า Ethereum 

ตามที่ Nicholas Merten ผู้สร้างช่อง YouTube ‘DataDash’ กล่าว ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ Ethereum นั้นกำลังลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป

จากทวีตล่าสุด Merten อธิบายว่า ข้อได้เปรียบที่สำคัญ Ethereum อาจไม่คงอยู่ตลอดไป เขาเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้วโซลูชั่น Layer ได้ที่สร้างขึ้นเพื่อปรับปรุงบล็อกเชนเดิมของ Ethereum นั้นจะไม่สามารถทำได้จริงและสร้างความแรงจูงใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในแง่ของการนำไปใช้

Merten ยกตัวอย่างให้เห็นว่า ผู้คนส่วนใหญ่ยอมจ่ายเงิน $0.01 เป็นค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย Solana แทนที่จะจ่ายเงิน $0.04 เพื่อทำธุรกรรมบน Polygon ซึ่งเป็นโซลูชัน L2 ที่ถูกที่สุดบน Ethereum

ส่วนตัวนั้น Merten มองว่านักพัฒนาของ Ethereum ควรมุ่งเน้นที่โซลูชัน L1 เพื่อให้เครือข่ายให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง เพราะเมื่อสัญญา Smart contract มีความซับซ้อนมากขึ้น ผู้คนก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่แพงมากขึ้นตามไปด้วย

 Merten ยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า Ethereum ต้องการการตลาดที่ดีขึ้น เพราะนอกจากการพัฒนาด้านเทคนิคแล้ว ทีมควรมีความสามารถในการทำให้ชุมชนอยู่ร่วมกันได้และทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา

ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทวีตของ Merten,  Zhu Su ซีอีโอและ CIO ของ Three Arrows Capital ก็ได้ออกมาประกาศว่าเขาจะละทิ้ง Ethereum เพื่อมุ่งเน้นไปที่การลงทุนใน Avalanche blockchain ของคู่แข่งแทน 

Zhu Su กล่าวอธิบายว่าภายใต้เงื่อนไขปัจจุบันของ Ethereum นั้น มันยังไม่สามารถเป็นพื้นที่ให้ผู้ใช้ใหม่เข้ามาทดลองใช้เทคโนโลยีได้ รวมถึงค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่ายราคาแพงที่ถือเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน

Zhu Su ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เล็งเห็นถึงปัญหานี้ โดยแม้แต่ Antonio Juliano ผู้ก่อตั้ง dYdX ซึ่งเป็นโปรโตคอล DeFi ที่รันอยู่บน Ethereum ก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขา