<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นัก Hacker ขโมยเหรียญ MATIC มูลค่ากว่า 66 ล้านบาทผ่านช่องโหว่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Matic เป็นเหรียญของเครือข่ายที่เป็นที่รู้จักกันมากอย่าง Polygon ซึ่งทางแพลตฟอร์มนั้นได้ออกมาประกาศว่าถูกโจมตีเพื่อหวังขโมยเงินตอนนี้ทางแพลตฟอร์มได้ประกาศว่าพวกเขานั้นตกเป็นเหยื่อของการถูกแฮ็กซึ่งแฮ็กเกอร์สามารถนำเหรียญออกจากแพลตฟอร์มได้สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เครือข่ายที่ปลอดภัยและเป็นที่นิยมในด้านการใช้งานก็สามารถถูกแฮ็กได้

Polygon ถูกแฮ็ก

ในบล็อกโพสต์บนเว็บไซต์ทีมงานของ Polygon ได้ยืนยันว่ามีช่องโหว่และนำมาสู่การแฮ็กโดยมีการอธิบายว่าจริง ๆ มีการตระหนักถึงช่องโหว่นี้ซึ่งทำให้เป็นจุดล่อต่าล่อใจของ whit hat แฮ็กเกอร์โดยส่วนของช่องโหว่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ bug ในโปรแกรม Bounty ที่เขาจัดตั้งร่วมกับ Immunefi และพวกเขาก็ได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้

อย่างไรก็ตามก่อนที่การอัพเกรดที่ถูกเสนอแนะซึ่งจะถูกเสนอให้ node operator จะมีผลอย่างสมบูรณ์นั้นแฮ็กเกอร์สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เดียวกันนี้เพื่อขโมยเหรียญในชุดการทำธุรกรรมแฮ็กเกอร์สามารถนำ MATIC ออกมาได้กว่า 801,601 MATIC มูลค่ากว่า 2 ล้านดอลลาร์

Polygon Foundation ก็ได้ออกมาบอกว่าผู้ใช้เครือข่ายนั้นยังปลอดภัยดีและผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายจะต้องชดใช้

แก้ไขช่องโหว่

เกิดความกังวลใจในหมู่ชุมชน Polygon เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมมีการ Hard Fork อย่างกระทันหันการเปิดตัวการอัพเกรดที่สำคัญโโยมีมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าทำให้สมาชิกในชุมชนนั้นเกิดความสงสัยว่าอะไรคือเหตุจูงใจให้เกิดการอัพเกรดปรากฎว่า Polygon เป็นเหยื่อการถูกแฮ็กจริง ๆ และข้อมูลนี้ก็ถูกเก็บเอาไว้จนเกือบผ่านไปกว่า 1 เดือน

ในประกาศ Polygon ยืนยันว่าพวกเขามีช่องโหว่ถายใต้การดูแลร่วมกันระหว่างทีม Polygon และ Immunefi และ white hat แฮ็กเกอร์ก็ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ดังกล่าว

การอัพเกรดที่ถูกเลื่อนออกไปเมือ่วันที่ 5 ธันวาคมมีผลบังคับใช้ Polygon ได้อธิบายว่าสิ่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ “ผู้ตรวจสอบความถูกต้องและ node commuity ได้รับแจ้งและพวกเขาก็สนับสนุนผู้พัฒนาหลักในการอัพเกรดเครือข่าย 80% ภายใน 24 ชั่วโมงโดยไม่มีการหยุดพัก” ระบุจากแถลงการณ์

white hat แฮ็กเกอร์ ที่ช่วยกันค้นพบช่องโหว่ได้เงินชดเชยไปกว่า 3.46 ล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบในส่วนของผู้ที่พบจุดบกพร่องปัญหาสำหรับ Polygon นั้นจบลงด้วยดีในขณะที่ Duncan Townsend CTO ของ Immunefi กล่าวว่า “อาจเป็นหายนะครั้งใหญ่”