เราสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้างจากการที่ Bitcoin เคยเข้าสู่ช่วงตลาดหมีในอดีตบทความนี้จะพาไปดูกัน
ตลาดหมีช่วงปี 2011-2012
ราคา bitcoin ลดลงจาก $29 ในวันที่ 8 มิถุนายน 2011 เป็น $2.10 ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2011 จากนั้นมีการ sideway ออกข้างเป็นเวลาหลายเดือน
ตลาดหมีครั้งที่เจ็บปวดที่สุดเกิดขึ้นก่อนที่พวกเราส่วนใหญ่จะรู้ว่ามี Bitcoin อยู่ช่วงกว่า 10 ปีที่แล้วราคาของ Bitcoin พุ่งสูงถึงเกือบ $30 บนเว็บเทรด Mt. Gox ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนั้นและเกิด pattern แบบ “บันไดสู่นรก” ซึ่งจะทำให้ราคาไปถึง $2.10 เป็นเวลาหลายเดือน
Bitcoin ดิ่งฮวบ 93% แต่ให้พิจารณาสิ่งนี้การซื้อ Bitcoin ที่ราคาสูงสุดตลอดกาลที่ $30 หากมองจากมุมมองวันนี้ใครไม่อยากซ้อน bitcoin ที่ $30 ใช่ไหม? แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนในตอนนั้นที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าในสิบปีถัดไปราคา Bitcoin จะอยู่ที่ประมาณ $50,000 นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมหลังจากการลดลงครั้งแรกนั้นมันต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีกว่า
ก่อนที่ราคาจะฟื้นตัวและไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่การรับรู้ถึงการที่ Bitcoin จะพัฒนาขึ้นจริงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเนื่องจากมันเป็นมาแล้วทั้งสกุลเงินมืดไปจนถึงการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และอาจเป็นพื้นฐานของระบบการเงินทั่วโลกในอนาคตเมื่อราคาทะลุ ATH ก่อนหน้าในต้นปี 2013 ราคาจะไม่ต่ำกว่าระดับราคานั้นอีกเลย
ตลาดหมีปี 2014-2016
ราคาของ Bitcoin ลดลงจาก $1,135 ในวันที่ 4 ธันวาคม 2013 เป็น $175 ในวันที่ 14 มกราคม 2015 จากนั้นก็ sideway ออกข้างหลายเดือน
เมื่อถึงช่วงผลัดเปลี่ยนของปี 2013/2014 เหตุการณ์สำคัญสองอย่างได้เกิดขึ้นตลาด Silk Road ถูกปิดตัวลง (ตอนนี้ Ross Ulbricht รับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ต้องรอลงอาญา) และเว็บเทรด Mt. Gox ก็กปิดตัวลงนี่เป็นสองสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดของการทำให้เกิดตลาดหมี ด้วยการแหล่งเข้าถึง Bitcoin รายใหญ่สองแห่งและการสูญเสียครั้งใหญ่จากผู้ลงทุนดูเหมือนว่า Bitcoin จะตายและไร้ประโยชน์ไปเลยทันที
เมื่อ bitcoin ราคาลดลง 85% จากจุดสูงสุด “ข่าวการสิ้นสุดของ bitcoin” ก็ถูกเขียนขึ้นเป็นจำนวนมาก
แต่ผู้ที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ช่วงปี 2011-2012 ได้เรียนรู้บทเรียนของพวกเขา Bitcoin จะต้องกลับมาได้อย่างแน่นอนในท้ายที่สุด ผู้สร้างยังคงเดินหน้าสร้างและเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดบางส่วนถูกสร้างขึ้นในช่วงตลาดหมีครั้งที่สองก็คือ Trezor One ซึ่งเป็นกระเป๋าฮาร์ดแวร์เครื่องแรกของโลกได้รับการเปิดตัวในต้นปี 2014 และ white paper ของ Lightning Network ได้รับการเผยแพร่ในเดือนมกราคม 2016
และในที่สุดเมื่อราคาทะลุ ATH ก่อนหน้าในช่วงต้นปี 2017 มันจะไม่ลดลงต่ำกว่า $1,000 อีกเลย
ตลาดหมี 2018-2020
อีกครั้งหนึ่งของการร่วงแรงของตลาด Bitcoin โดยที่ราคา Bitcoin นั้นร่วงจาก $19,640 ในวันที่ 16 ธันวาคม 2017 เป็น $3,185 ในวันที่ 15 ธันวาคม 2018 แล้วก็ sideway ออกข้างเป็นเวลาหลายเดือน
ตลาดหมีครั้งล่าสุดนี้บางครั้งถูกขนานนามว่า “หน้าหนาวของคริปโต” ก็เพราะว่าช่วงที่ตลาดเกิดการ crash และร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ระดับ $3,000 เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวปี 2018/2019 ตลาดหมีนี้ครั้งนี้ค่อนข้างสาหัสเนื่องจากมีพุ่งขึ้นของราคาแบบหลอก ๆ ในฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2019 เมื่อราคาแตะถึง $12,000 และลดลงเหลือ $4,000 เกิดจากความตื่นตระหนกจากวิกฤติโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2020
แต่ก็จบแบบเดิมราคา Bitcoin นั้นฟื้นตัวขึ้นด้วยการที่พุ่งขึ้นและไม่อาจกลับมาต่ำกว่า ATH เดิมที่ $20,000 ได้อีกโครงการระบบนิเวศที่ขาดไม่ได้จำนวนมากเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะเป็น Trezor Model T และ Shamir Backup, เซิร์ฟเวอร์ BTCPay, Lightning Network wallet, Spiral ของ Jack Dorsey, Strike ของ Jack Mallers และเครื่องมือและบริการอื่น ๆ อีกมากมายที่เราใช้งานกันในปัจจุบัน
แล้วเราจะเข้าสู่ช่วงตลาดหมีแล้วหรือยัง?
ตามคำจำกัดความดั้งเดิมตลาดหมีจะเกิดขึ้นเมื่อ “ราคาร่วงลง 20% หรือมากกว่าจากระดับสูงสุดล่าสุดท่ามกลางการมองโลกในแง่ร้ายกันอย่างกว้างขวางและความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเชิงลบ”
อุตสาหกรรมทั้งหมดของเมตริกแบบ on-chain ที่พยายามกำหนดความเชื่อมั่นที่มีอยู่ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ปัญหาของตัววัดดังกล่าวก็คือตัววัดเหล่านี้สร้างขึ้นจากการตีความตามข้อมูลทางกายภาพของสิ่งที่เกิดขึ้น
นักวิเคราะห์บางคนพยายามคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นและระยะยาวโดยชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขึ้นของราคาและการ halving ซึ่งเป็นวัฏจักร 4 ปีที่ลดอัตราที่อุปทานของ Bitcoin และดูเหมือนว่าจะน่าเชื่อถือเลยทีเดียว
ปัญหาเกี่ยวกับสมมติฐานรอบการ halving คือจนถึงตอนนี้เรามีจุดข้อมูลเต็มเพียงสองจุดเท่านั้นช่วงเวลาหลังการลดลงครึ่งหนึ่งครั้งแรกและครั้งที่สองขณะนี้เราอยู่ในช่วงที่สามและแม้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาจะเป็นไปตามรูปแบบที่คล้ายกันในครั้งนี้แต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมันก็จะเกิดตามสมมติฐานของตลาดที่มีประสิทธภาพ
ข้อเท็จจริงที่คาดการณ์ได้และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เช่น Bitcoin halvings ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อราคาได้อย่างมากแต่มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มองไม่เห็น (เช่น สกุลเงิน fiat ล้มเหลวในฐานะเป็นที่เก็บมูลค่าที่เชื่อถือได้), จิตใจของมนุษย์ชอบที่จะค้นหารูปแบบของสัญญาณ และแผนภูมิที่มีแนวโน้มทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างผันผวนโดยที่ Bitcoin นั้นเย้ายวนใจมากในเรื่องนี้
ผมเชื่อว่าแผนภูมิราคา Bitcoin ระยะยาวบอกเราถึงสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าวงจรการ halving ที่ถูกกล่าวหานี่คือสิ่งที่เราเห็นเมื่อเราดูแผนภูมิเดียวกันจากมุมมองที่ต่างออกไป
แทนที่จะเป็นการ Halving สองรอบเราได้เห็นจุด ATH ในอดีตถึงหกครั้ง และพบว่าราคาดูเหมือนจะไม่ลดลงต่ำกว่า ATH ก่อนหน้าเมื่อมันเคลื่อนที่เข้าหาจุดเดิมเป็นครั้งที่สองหากสิ่งนี้เป็นจริงในอนาคตก็หมายความว่าราคาจะไม่ต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์หากเราเข้าสู่ตลาดหมีตอนนี้และมันจะไม่ต่ำกว่า 69,000 ดอลลาร์หากเข้าหาราคานั้นเป็นครั้งที่สอง
คำอธิบายสำหรับการเคลื่อนไหวของราคาอาจเป็นเรื่องทางจิตวิทยาผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจเกี่ยวกับ Bitcoin มักจะใช้ขั้นตอนแรกเมื่อ Bitcoin ได้รับการยืนยันว่า “ยังไม่ตาย” กล่าวคือเมื่อพ้นจากราคา ATH ก่อนหน้า ส่งผลให้เกิดการ FOMO เป็นประจำต้องยอมรับว่าข้อสังเกตนี้ไม่สามารถยืนยันได้เนื่องจากราคาลดลงต่ำกว่า ATH ที่ $230 ที่กำหนดไว้ในเดือนเมษายน 2013 และปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า ATH สองครั้งที่ $50,000 จากปี 2021 ผมถือว่าแบบจำลองในแง่ดีนี้เป็นกฎเกณฑ์ทั่วไปดังนั้นผม สามารถวางเก็บของกันได้เพิ่มมากขึ้นแน่นอนหากราคาลดลงใกล้กับระดับ $20,000 ดอลลาร์ ที่กล่าวว่าผมไม่คงรอโอกาสแบบนั้นที่มันอาจจะไม่มีทางเป็นจริงและผมก็ซื้อเก็บสม่ำเสมอโดยไม่คำนึงถึงราคา
โดยรวมแล้วผมไม่คิดว่าใครจะเห็นถึงตลาดหมีที่กำลังก่อตัว Bitcoin มีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลกทั้งผ่านเว็บเทรด decentralized และแบบ peer-to-peer ตลาดได้รับอิทธิพลอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก เช่น การล่มสลายของเงินปอนด์เลบานอนหรือข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือเลือกแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณในตอนนี้และเคร่งในวินัยของตัวคุณเอง