<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ลือสนั่น ! ผู้ร่วมก่อตั้ง “A16z” อาจลาออกจากบอร์ด Meta เนื่องจากความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Marc Andreessen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทร่วมทุนคริปโตชื่อดัง “A16z” อาจเลือกลาออกจากคณะกรรมการผู้บริหารของ Meta เนื่องจากบริษัทของเขาลงทุนได้ในพื้นที่ของ Web3 ซึ่งมันอาจส่งผลกระทบถึงปัญหาความขัดแย้งในเรื่องของผลประโยชน์ Crypto หากเขายังคงเลือกที่จะอยู่ในบอร์ดของ Meta ต่อไป

เมื่อวันที่ 25 มีนาคมสำนักข่าว Business Insider รายงานว่า แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้เปิดเผยว่า “ผมจะไม่แปลกใจหาก Andreessen ออกจากบอร์ดผู้บริหารในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้  Andreessen สามารถลาออกได้ทันทีในเดือนพฤษภาคมเมื่อคณะกรรมการมีการเลือกตั้งในครั้งต่อไป”

อย่างไรในขณะนี้ฝั่งทางด้านของ Andreessen ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ ต่อสาธารณะเกี่ยวกับอนาคตของเขากับบอร์ด Meta

Meta ได้ริเริ่มสร้างหรือซื้อเข้ากิจการ Web3 หลายโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse, NFTs, สื่อโซเชียล, การเงิน และความบันเทิง ซึ่งหมายความว่าอาณาจักร Crypto ของ a16z อาจสร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์ให้กับ Meta ได้ โดยเมื่อวันที่ 18 มี.ค. Meta ได้นำโครงการเหล่างนี้ไปใช้กับซอฟต์แวร์ระบุตัวตรของผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิทธิบัตรที่ปัจจุบันใช้กันมากที่สุดในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ Wallet และ e-wallets ของผลิตภัณฑ์ Metamask หรือ Ledger

ปัจจุบันการลงทุนของ A16z กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ Crypto หลายโครงการได้แก่ Uniswap กระดานแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์, Coinbase, ตลาด NFT OpenSea, โปรโตคอล DeFi – Maker DAO และแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมแบบกระจายอำนาจ Compound

A16z ระดมทุนเงินได้กว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สำหรับกองทุน Crypto ที่ 3 ในช่วงกลางปีที่แล้ว และตั้งใจที่จะระดมทุนเพิ่มเติมอีกมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์สำหรับกองทุนถัดไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดจวบจนถึงปัจจุบัน

Andreessen อยู่ในบอร์ด Facebook มาตั้งแต่ปี 2008 ยาวนานกว่าสมาชิกในทีมที่ไม่ใช่ Meta และในปัจจุบัน Peter Thiel นักลงทุน Facebook ยุคแรกกำลังจะลาออกจากตำแหน่งบอร์ดผู้บริหารในเดือนพฤษภาคม ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรม Crypto ของเขากับ Block.one (บริษัทโซลูชั่นบล็อคเชนที่อยู่เบื้องหลัง EOS) และแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายคริปโต BitPanda

ที่มา : cointelegraph