วันนี้เราได้สนทนากับคุณสำเร็จ วจนะเสถียร Chief Technology Officer ของบริษัท บิทคับ บล๊อกเชน เทคโนโลยี ผู้พัฒนาโปรเจกต์ บล็อกเชน จะเข้ามาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงระบบบน Bitkub Chain จาก POA สู่ POSA ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็น POS อย่างเต็มรูปแบบในปี 2566
POSA คืออะไร
Proof of Staked Authority (POSA) คือระบบฉันทามติที่อ้างอิง “ชื่อเสียง” ของผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node) ดังนั้น Node ที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมบนบล็อกเชนประเภทนี้ จำเป็นต้อง “เปิดเผยตัวตน” ว่าเป็นใครหรือองค์กรอะไร และจำเป็น ต้องมีการ ค้ำประกัน หรือ stake KUB ไว้จำนวนหนึ่งด้วย โดยในที่นี้ KUB จะ Stake เริ่มต้นที่ 250,000
ซึ่งบล็อกเชนเป็นเครือข่ายที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าธุรกรรมที่ได้รับการยืนยันไป ใครเป็นผู้ยืนยัน และเป็นไปอย่างสุจริตหรือไม่ หากตรวจสอบย้อนหลังและพบการทุจริตหรือข้อผิดพลาด ผู้ที่ยืนยันธุรกรรมก็อาจสูญเสียชื่อเสียงได้ และโดนยึด KUB ที่ทำการ stake ไว้
ทั้งนี้ การจะเป็น Validator Node บนบล็อกเชนประเภทนี้ได้ จำเป็นต้องได้รับตวามเห็นชอบจาก Validator คนอื่น ๆ บนเครือข่ายเสียก่อน ซึ่งรวมถึงการปลดออกจาการเป็น Validator ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจาก Validator คนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ Bitkub Chain ได้ใช้ระบบ Proof of Authority (POA) ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็น Proof of Staked Authority และกำลังเป็นการปรับเข้าสู่ Proof of Stake (PoS) อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
“เครื่องที่เป็น Node Validator ช่วงเวลานับจากนี้ไปถึงพฤษภาคม ปีหน้า จะมีการอัปเกรดค่อนข้างบ่อย ทำให้ผู้ที่เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับเราต้องสามารถที่จะอัปเกรดตามได้เพื่อให้เครื่องสามารถที่จะรองรับปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้น
POSA แตกต่างจาก PoA เดิมอย่างไร ดีกว่าอย่างไร
การอัปเกรดดังกล่าวเป็นการเตรียมพร้อมที่จะไปถึง Goal ตาม Roadmap
“ด้วยระบบเดิมเรายังไม่ได้เริ่มทำอะไรกับตัวระบบ แต่พอเป็น POSA ก็จะเริ่มมีการ maintain source code หลายส่วนซึ่งเพื่อจะให้สามารถรองรับ transaction ได้ถึง 100,000 รายการ/วินาที”
และถ้าหากว่าทำไม Bitkub Chain จึงไม่เปลี่ยนจาก POA ไปสู่ POS ในทันทีนั้นคุณสำเร็จกล่าวว่า
“เนื่องจากการปรับปรุงนั้นค่อนข้างยากและค่อยเป็นค่อยไป ถ้าวันนี้ทาง Bitkub อัพเกรด เป็น POS เลย และต้องมีการเพิ่ม hardwar ปรับ gas limit อาจจะมีคนไม่ยอมอัพเกรดตามได้ จุดนี้เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ Bitkub Chain ไม่พัฒนาไปข้างหน้า แบบที่เชนอื่น ๆ พบเจออยู่”
ผู้ใช้งาน Bitkub Chain จะเห็นความแตกต่างได้อย่างไร
ในระดับผุ้ใช้งานนั้น ยากที่จะเห็นความแตกต่าง เพราะการอัพเกรดนี้ พุ่งเป้าไปที่การอัพเกรด ระบบ การทำธุรกรรม ระบบ DataBase ของ BlockChain และระบบ Network เป็นหลัก เพื่อรองรับธุรกรรมที่มากขึ้นจากเกมที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ เช่น Dice Kingdom และ Metaverse ที่จะออกมาในอนาคต
ปัจจุบัน transaction บน Bitkub Chain มากสุด จะได้อยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 รายการต่อวินาที โดยตั้งแต่การอัพเกรด POSA ไปจนถึง พฤษภาคมปีหน้า ที่จะเป็น POS เราจะค่อย ๆ ขยาย transaction ไปให้ถึง 100,000 รายการต่อวินาที
คนทั่วไปมีสิทธิได้เป็นเจ้าของ Node Validator หรือไม่
การเป็นเจ้าของ ทางบิทคับมีทั้งคนทั่วไป บริษัท และ บริษัทมหาชน ทั้งนี้ อยู่ที่การพูดคุย ทิศทางว่าตรงกับที่ทางเราได้วางแผนไว้ไหม จริง ๆ มีผุ้สนใจมากกว่า 21 ราย แต่เราต้องคัดให้เหลือ 21 รายที่มีความเข้าใจ และ ต้องการสร้าง infra สำหรับประเทศร่วมกันจริง ๆ
ด้วยการอัพเกรด hardware เพื่อให้รองรับปริมาณข้อมูลได้นั้น มันคือการลงทุนต่อหลังจากนี้ ไม่ใช่แค่ staking แล้วก็จบกันไป แต่ยังจะต้องมีการ ปรับปรุง hardware ตลอดเวลาอีกด้วย
สำหรับประชาชนทั่วไป การเข้ามาเป็น node validator นั้น ได้มีการพูดคุยในหลายรูปแบบ เนื่องด้วย lock&drop เดิมนั้น มีผู้สนใจถึง 3 หมื่นกว่าราย จากการดูใน smart contract และด้วยจำนวนการ stake ที่จำกัด ทาง บริษัทเกรงว่า จะทำให้มีการ stake ไม่ทั่วถึง สำหรับ 21 โหนด ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจะมีการ stake ให้คนทั่วไปอย่างแน่นอน แต่จะเป็นในรูปแบบไหน ให้รอติดตามต่อไป
อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด Roadmap ของ Bitkub Chain นั้นจะเปลี่ยนระบบจาก Proof of Staked Authority ไปสู่ Proof of Staked สำเร็จใน “เดือนพฤษภาคม 2566” อย่างแน่นอน