<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 สาเหตุที่ราคา Bitcoin ร่วงทะลุ 39,000 ดอลลาร์อย่างรุนแรงในวันนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคา Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะถูกแรงเทขายถาโถมอีกครั้งในช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยเราได้เห็นราคาร่วงแตะจุดต่ำสุดที่ราคา 38,500 ดอลลาร์ โดยมีเม็ดเงินราว ๆ 234 ล้านดอลลาร์จากนักเทรดที่ถูกล้างพอร์ตไปในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อ้างอิงข้อมูลจาก Coingrass แต่คำถามที่หลายคนสงสัยอยู่ก็คือ อะไรเป็นสาเหตุ ?

ราคา ฺ Bitcoin หลุดเส้นแนวรับสำคัญที่ระดับ 40,000 ดอลลาร์

ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าราคา Bitcoin นั้นมีการซื้อขายอยู่เหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์มาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นระดับแนวรับที่สำคัญที่สุดหากนับตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา และหลังจากที่ราคาได้ทดสอบเส้นแนวโน้มนี้ ราคาของ Bitcoin ก็มักจะดีดตัวเพิ่มขึ้นแทบทุกครั้งไป

อย่างไรก็ตาม การร่วงราคาในวันนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้แนวรับดังกล่าวนี้พังทลายลงในที่สุด ก่อนที่แรงเทขายจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จนทำให้นักเทรดเปิด long อยู่นั้นต้องรีบปิด Position ตัดขาดทุน และหันมาเปิดฝั่ง Short แทน

ยิ่งไปกว่านั้นแท่งเทียนบนกราฟราคารายวันของ Bitcoin นั้นยังเผยให้เห็นเทียนแท่งสีแดงติดต่อกันถึง 3 แท่งอีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วมันมักเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าราคา Bitcoin กำลังกลับตัวเป็นขาลง

ธนาคารกลางรัสเซียยืนยันร่างกฎหมายคริปโตเป็นสกุลเงินยังไม่ผ่านอนุมัติ

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง (MinFin) ของรัสเซียได้มีการสรุปร่างกฎหมายชื่อ “On Digital Currency” และส่งไปยังรัฐบาลรัสเซียเพื่อขออนุมัติให้ผ่านเป็นกฎหมาย โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ชี้แจงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายและการขุดคริปโต 

ต่อมารายงานอย่างไม่เป็นทางการของรัสเซียได้มีการประกาศให้คริปโตถูกกฎหมาย โดยกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 เมษายน และสิ่งนี้ทำให้ชุมชนคริปโตบน Twitter ก็รู้สึกยินดีและโห่ร้องไปตาม ๆ กัน


อย่างไรก็ตามล่าสุด รายงานจากหนังสือพิมพ์รายวันของรัสเซีย Kommersant ได้ออกมาประกาศยืนยันแล้วว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเพียงการเสนอแนะให้รัสเซียยอมรับสกุลเงินดิจิทัล “เป็นวิธีการชำระเงิน” เท่านั้น แต่ยังไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลรัสเซียอย่างเป็นทางการ

นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางทั่วโลกและพยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง Cryptocurrency ในขณะที่ด้านตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.นี้

โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25% เป็น 1.5% โดยมีเป้าหมายที่จะเร่งสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ หลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ขณะเดียวกันด้านธนาคารกลางแคนาดาประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังกล่าวในการประชุมเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ว่า ECB จะยุติการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ Asset Purchase Programme (APP) ซึ่งเร็วกว่าที่ประกาศที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อปูทางสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่เงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%

สุดท้ายนี้เราคงต้องติดตามกันต่อว่าอีก 12 วันที่เหลือก่อนจะจบสิ้นเดือนเมษายน ราคาของ Bitcoin จะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน จะสามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นช่วงขาขึ้นได้หรือไม่ ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ควรพลาดในการติดตามข่าวสารและการเคลื่อนไหวด้วยประการทั้งปวง