<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การร่วงของตลาด Crypto ตอนนี้ อาจจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อประธานาธิบดี Joe Biden อนุมัตินโยบาย Fed ‘Shock Therapy’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มูลค่าตลาด Cryptocurrency ได้ลดลงไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เดือนเมษายน แม้ว่า Elon Musk จะออกมาพูดสนับสนุน Cryptocurrency อย่างต่อเนื่อง

ราคาของ Bitcoin เริ่มร่วงมาตั้งแต่ปลายปี 2020 และได้รับผลกระทบจากทาง FED ที่ปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่, การปรับงบดุลจำนวนมหาศาลถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์ และการล่มสลายของเหรียญ LUNA 

นักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนว่า FED ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดี Joe Biden ให้ใช้ Shock Therapy เพื่อที่จะมาหยุดอัตราเงินเฟ้อ และมันจะมีผลกับตลาด Cryptocurrency ด้วยเช่นกัน

นาย Zoltan Posser หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ในการอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในระดับโลกของบริษัท Credit Suisse ได้บอกว่า

“ความผันผวนเป็นเหมือนกับระเบิด สำหรับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง”

“การจะลงทุนอะไร อย่างน้อยก็ควรพิจารณาถึงความผันผวนที่รุนแรงและการขาดสภาพคล่องในตลาด แต่ถึงอย่างนั้นทาง FED ก็ไม่ได้เกรงกลัวมัน แต่กลับหาทางทำให้เกิดความเสถียรภาพด้านราคา หากการปรับฐานเป็นสิ่งจำเป็น การชะลอตัวก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันในการป้องกันเงินเฟ้อ และยิ่ง FED เข้าไปยุ่งกับกลไกตลาดมากเท่าไหร่ สิ่งที่ตามมาก็จะมากขึ้นเท่านั้น”

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา FED ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5 % ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เยอะสุดในรอบ 22 ปี  และนาย Jerome Powell ประธาน FED ก็ได้บอกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะมีอีกครั้งในช่วงที่ปิดงบดุลมูลค่า 9 ล้านล้านดอลลาร์

ประธานาธิบดี Joe Biden ได้บอกว่า “ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่นาย Joerme Powell พูดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า ภัยคุกคามอันดับหนึ่งของเราตอนนี้คือ อัตราเงินเฟ้อ ”และหลังจากนั้นนาย Posser ได้บอกว่า ประธานาธิบดี Joe Biden จะ ‘ประกาศบทสรุปของ FED และสนับสนุนข้อเรียงร้องของ FED เพื่อทำให้เงินเฟ้อยุติลง’

นาย Posser บอกว่า เขาต้องการให้ FED ใช้มาตรการ Shock Therapy ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยสู้กับเงินเฟ้อได้ และทาง FED จะต้องไม่หยุดยั้งในการหาทางแก้ไขปัญหาด้วยวิธีต่างๆ จนกว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้น และเขาได้บอกอีกว่า

“ตอนนี้ FED กำลังเขียน Call option เกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หุ้น แต่รวมถึง Cryptocurrency ด้วย”

จากข้อมูลพบว่า ในปีนี้ราคาสินค้าบริโภคได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8.3 % ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปี