Pharell Williams นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกันที่โด่งดังจากเพลง ‘Happy’ เชื่อว่า การปฏิวัติครั้งใหญ่ที่กำลังจะเข้ามาปฏิวัติวงการเพลง ระบบการเงิน หรือแม้กระทั่งรัฐบาลนั้นเขาคิดว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนและการกระจายอำนาจของ Web3 จะเป็นกุญแจที่สำคัญ
ในระหว่างการสัมภาษณ์บนเวทีกับผู้ประกอบการและผู้จัดงาน Gary Vaynerchuk เมื่อวันเสาร์ ศิลปินผู้โด่งดังจากเพลงฮิต “Happy” “Get Lucky” และ “Drop It Like It’s Hot” ได้อธิบายบทนำของเขาเกี่ยวกับ NFT และสิ่งที่เขามองเห็นในเทคโนโลยีบล็อคเชนที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าให้กับสังคม
NFT ทำหน้าที่เสมือนเป็นหลักฐานที่แสดงความเป็นเจ้าของสินค้า และมักใช้สำหรับสินค้าดิจิทัล เช่น อาร์ตเวิร์ค รูปโปรไฟล์ ของสะสม และแม้แต่แทร็กเพลง พวกมันสามารถช่วยชุมชนได้รับประสบการณ์และใกล้ชิดกันมายิ่งขึ้น และคาดว่า NFT จะทำหน้าที่กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับ metaverse ซึ่งเป็นโลกเสมือนในอนาคตที่จะมอบประสบการณ์ที่สมจริงให้แก่ผู้เข้าร่วม
Williams กล่าวว่า เขาเริ่มสำรวจแนวคิดของ NFT เมื่อช่วงสองสามปีก่อน และกล่าวว่า เขา “มาสายไป” อย่างไรก็ตาม Vaynerchuk บอกว่าสิ่งที่ Williams พูดนั้นไม่ถูกต้อง เพราะที่จริงแล้วเขาก็เพิ่งเริ่มใช้ NFTs เมื่อช่วงต้นปี 2021 นี้เอง
“ที่ผมบอกว่าผมสายเกินไป นั่นเป็นเพราะผมคิดถึงมันเพียงอย่างเดียว แต่ผมไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย” Williams อธิบาย “ความคิดนี้ยอดเยี่ยมมาก แต่มันไม่สำคัญหรอก จนกว่าคุณจะทำอะไรกับมัน”
Williams กล่าวอธิบายว่า การเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาด NFT นั้นมีข้อเสียอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการเข้ามาทำเงินเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีวิสัยทัศน์ในระยะยาว “ซึ่งพวกคุณสามารถเรียกพวกเขาว่า พวก ‘grifters’” เขากล่าว
ในทางกลับกัน Williams เชื่อว่า NFT สามารถมอบประโยชน์รูปแบบใหม่แก่ศิลปินได้ โดยเขาสังเกตเห็นถึงผลประโยชน์ของศิลปินที่จะได้รับค่าลิขสิทธิ์ในตลาดรอง หลังจากการขายผลงาน NFT ที่ผูกติดอยู่กับสัญญา Smart contract ซึ่งแตกต่างจากตลาดแบบดั้งเดิมที่ศิลปินจะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ หลังจากการขายผลงานไปแล้ว
Williams กล่าวถึง โปรเจกต์ Web3 ที่เขากำลังทำอยู่ รวมถึง Gallery of Digital Assets ซึ่งเขาอธิบายว่า มันเป็น “พื้นที่ปลอดภัยสำหรับศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังและช่วยให้พวกเขาสามารถก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลได้ง่ายขึ้น”
อีกโปรเจกต์หนึ่งที่ Williams มีส่วนร่วมด้วยก็คือ Black Ambition ซึ่งเป็นโครงการไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นให้กับสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน Web3 ของผู้จัดการกองทุน Black และ Latinx Black Ambition โดยโครงการที่ได้รับเลือก จะได้รับเงินทุนสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
ในท้ายที่สุด Williams เชื่อว่า การเดิมพันไปกับเทคโนโลยีบล็อคเชนและ Web3 นั้นถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ โดยเขาเชื่อว่าชุมชนและผู้สร้างแบบกระจายอำนาจจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทั่วโลก ผลักดันให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลที่พยายามจำกัดหรือตัดขาดสิทธิมนุษยชน
“คุณมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับบล็อคเชนและ Web3 สิ่งที่คุณควรรู้คือ นี่คือช่วงเวลาที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง” เขากล่าว “พวกคุณทุกคนกำลังดูระบบเก่า ๆ เหล่านี้ พวกคุณรู้ว่ามันเก่า พวกคุณรู้ว่ามันใช้ไม่ได้ผล และพวกคุณก็กำลังยืนขึ้นและตะโกนว่า ‘มันจะไม่มีอีกต่อไป”
ที่มา : decrypt