ข้อเสนอสนับสนุนว่า ApeCoin ควรอยู่ภายในระบบนิเวศ Ethereum ภายในโซลูชันการปรับขนาด layer-2 ที่ได้รับการรักษาความปลอดภัยโดย Ethereum blockchain
ความขัดแย้งทางผลประโยชน์โดยรอบระหว่าง ApeCoin กับ Ethereum ได้ปะทุขึ้นหลังจากการเปิดตัวโทเคนที่วุ่นวายในเดือนมีนาคม เนื่องจากผู้ซื้อจำนวนมากแสดงความผิดหวังต่อการขายที่ดินดิจิทัลที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ Yuga Labs จึงมีการแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ว่าจะออกจาก Ethereum แต่ผู้เข้าร่วม ApeCoin มากกว่าครึ่งหนึ่งเลือกที่จะอยู่ที่นั่น
ไม่ย้ายออกจาก Ethereum
ApeCoin DAO องค์กรกระจายอำนาจที่ช่วยให้ผู้ถือ APE ลงคะแนนเสียงในการตัดสินใจกำกับดูแลเกี่ยวกับโทเคนได้ออกข้อเสนออย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เพื่ออภิปรายว่า ApeCoin ควรอยู่บน Ethereum หรือย้ายไปยังเครือข่ายอื่น
ผู้ใช้งานนิรนามที่ชื่อว่า BAYC 2491 หรือที่รู้จักในชื่อ ASEC ได้เสนอข้อเสนอการปรับปรุง ApeCoin (AIP) ขนานนามว่า “AIP-41: Keep ApeCoin ภายในระบบนิเวศ Ethereum” โดยระบุว่า
“พวกเรา ApeCoin DAO เชื่อว่าอย่างน้อยในขณะนี้ ApeCoin ควรยังคงอยู่ในระบบนิเวศของ Ethereum และไม่โยกย้ายไปที่อื่นไปยัง L1 chain หรือ sidechain ที่ไม่ปลอดภัย”
การโหวตดังกล่าวจะนับจากผู้ถือ APE เท่านั้นโดยสามารถเลือกเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แม้ว่าความต้องการของโทเคนจะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนแต่ค่าธรรมเนียมก๊าซใน Ethereum ก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ผู้ซื้อจำนวนมากได้ราคาที่แพงโดยการโหวตสุดท้ายของชุมชนแสดงให้เห็นว่า 53.59% สนับสนุนการโยกย้ายเครือข่าย
AIP-41 ยังระบุด้วยว่าการย้ายไปยังเครือข่ายอื่นจะมีค่าใช้จ่ายสูง มีความเสี่ยง และซับซ้อน ซึ่งอาจนำไปสู่หายนะหากไม่พิจารณาอย่างรอบคอบ
แต่หากต้องการละทิ้ง Yuga Labs และหน่วยงานอื่น ๆ ควรมีแนวคิดคือชะลอการย้ายข้อมูลนอกเหนือจาก Ethereum และจัดหา ApeCoin และ DAO เพื่อตัดสินใจอย่างถูกต้องซึ่งจะทำงานได้ดีที่สุดสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
ชะลอการย้ายเครือข่าย
ผลงานคือ Yuga Labs เช่น BAYC collection, Mutant Ape Yacht Club (MAYC) และ Bored Ape Kennel Club (BAKC) ซึ่งทั้งหมดอยู่บนเครือข่าย Ethereum blockchain แต่บริษัทสนับสนุนให้ ApeCoin ย้ายไปที่เครือข่ายของตนเองเพื่อขยายขนาด
อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แพลตฟอร์มการปรับขนาด NFT เลเยอร์ 2 ของ Ethereum Immutable ได้ส่งข้อเสนอไปยัง DAO เพื่อสร้างโครงการ metaverse ของ BAYC ด้านอื่น ๆ บนเครือข่ายบล็อกเชน นอกจากนี้ Ava Labs ยังได้เสนอแนวคิดที่คล้ายกันและเพื่อเปิดตัวโครงการ metaverse บนซับเน็ตของ Avalanche เพื่อ “เพิ่มความเร็ว ลดค่าธรรมเนียมน้ำมัน และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้”