ในวันที่ 20 มิ.ย. บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอรส์ (ประเทศไทย) หรือ DBSV ได้จัดทำการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มลงทุนคริปโต พบผลกระทบจากตลาดขาลงไม่เท่ากัน ชี้กลุ่มขุดเหมือง Bitcoin และ บริษัทที่ปรึกษาออกเหรียญโดนหนักสุด ชี้ “ราคาลดลง แต่ยังไม่น่าช้อน”
DBSV กำลังมองภาพรวมตลาดคริปโตที่กำลังเป็นขาลงอยู่ในขณะนี้ ว่า ราคาเหรียญคริปโต (Crypto) ลดลงรุนแรง ตั้งแต่เงินเฟ้อเพิ่มสูง แทบทุกเหรียญร่วงหมด ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum, XRP, BNB, BITKUB โดยเฉพาะเหรียญ LUNA ที่เผชิญวิกฤตจนแทบไม่เหลือมูลค่า
ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 28 ปี ส่งผลให้นักลงทุนกลัวความเสี่ยง ต่างแห่ขนเงินออกจากตลาดคริปโตที่อยู่ในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อย้ายไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย
DBSV วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า แม้ราคาหุ้นกลุ่ม Crypto ส่วนใหญ่จะร่วงไปมากแล้ว แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรจำแนกหุ้นกลุ่ม Crypto ด้วยว่ามีความเสี่ยงอยู่ในระดับใด โดยเตือนว่า “แม้ราคาหุ้นจะร่วงต่ำลงอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ควรเข้าไปช้อน”
กลุ่มหุ้นบริษัทขุดเหรียญคริปโต
สิ่งที่กังวลคือ ถึงแม้ช่วงนี้ยังขุดสินทรัพย์ได้ แต่สืนทรัพย์ที่ขุดมากับมีมูลค่าต่ำไม่สอดคล้องกับราคาต้นทุน โดยหลักทรัพย์ในกลุ่มนี้ เช่น JTS,ZIGA,UPA,AJA,ECF,CWT,SCI,NRF เป็นต้น
กลุ่มหุ้นรับเหรียญมาใช้ซื้อสินค้าได้ หรือรับบริการต่างๆ ทำโปรโมชั่น
คาดว่ากลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะหากได้รับมาจากการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ก็จะป้องกันความเสี่ยงได้ ด้วยการขายออกมาทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง ชุดหลักทรัพย์เหล่านี้ เช่น ANAN,SIRI,ORI,ASW, MAJOR หรือมีการออกและใช้เหรียญภายในกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้ามารับบริการได้ หรือทำโปรโมชั่นทางการตลาด เช่น JFin Coin กลุ่ม JMART หรือ Popcoin ของกลุ่ม RS
กลุ่มหุ้นบริษัทที่รับเป็นที่ปรึกษาทำธุรกิจเกี่ยวกับ เหรียญ Crypto หรือเป็นศูนย์ซื้อขายฯ
ระยะนี้ก็จะซบเซาไปตามสถานการณ์ของเหรียญ หลักทรัพย์ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง บริษัท XPG รับเป็นที่ปรึกษาในการออกเหรียญ หรือให้บริการต่างๆ, SCB สนใจเข้าไปถือหุ้นใน BITKUP หรือกระทั่ง GULF ให้บริษัทย่อยไปร่วมลงทุน ในธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา (Binance US) ใช้เงินราว 660 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทย่อยคือกัลฟ์ อินโนวา ถือหุ้น 51% ส่วน Binance Capital Management ถือหุ้น 49%
กลุ่มหุ้นบริษัทที่เข้าไปถือลงทุนโดยตรงในเหรียญ Crypto
ปัจจุบันบริษัทที่ลงทุนโดยตรงในเหรียญ Crypto มีอยู่ 2 บริษัทหลัก ๆ คือ GULF และ BROOK ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้
GULF : เม.ย.65 ให้บริษัทย่อยคือ Gulf International Investment Limited (GII) ซึ่งถือหุ้นอยู่ 100% ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล BNB มูลค่าราว 1,678.25 ล้านบาท หรือ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากสมมุติให้ในที่สุดแล้วมูลค่าเหรียญลดลงไป 50% หรือได้รับความเสียหายไป 839 ล้านบาท หากหากเทียบกับกำไรตลอดปีจะเป็นสัดส่วนราว 7% จากกำไรราว 1.2 พันล้านบาท
แต่ล่าสุดบริษัทได้มีการจำหน่ายหุ้นทั้งหมด ให้แก่บริษัท กัลฟ์ โฮลดิ้งส์(ประเทศไทย) จำกัด (GHT) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ถือหุ้นในบริษัทฯ ในสัดส่วนร้อยละ 4.86 (ณ วันที่ 16 มิถุนายนที่ 1,681.67 ล้านบาท จึงคาดว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้แล้ว 2565)
BROOK : ต.ค.64 ลงทุนในเงิน Crypto เป็นสกุลหลักๆ 60% คือ Bitcoin, Ethereum, Binance, Stablecoin และอีก 40% เป็นสกุลอื่นๆที่ 1,290 ล้านบาท หากสมมุติให้ในที่สุดแล้วมูลค่าเหรียญลดลงไป 50% หรือได้รับ ความเสียหายไป 645 ล้านบาท หากเทียบกับกำไรตลอดปีที่ราว 200-300 ล้านบาท จะเป็นสัดส่วนที่มากเกิน 100%
และ หากเทียบเป็นต่อหุ้นจะอยู่ที่ 0.07 บาท หรือมากถึง 12%จากราคาหุ้นปัจจุบัน แต่ราคาหุ้นก็ได้ปรับลงมาแบบดิ่งจากจุดสูงสุดเมื่อปลาย มี.ค.65 ในอัตราถึง 46% แล้ว
ที่มา : ลิงก์