นักควรเตรียมพร้อมสำหรับราคาที่เตรียมจะพุ่งขึ้นในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากราคา Bitcoin (BTC) ได้เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ โดยยืนเหนือราคา $20,000 แต่ก็เหมือนจะกลายเป็นขาลงอีกครั้ง เนื่องจากระดับแนวรับหลักยังไม่แข็งแกร่งไม่พอ
อย่างไรก็ตามจากราคาที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เหล่านี้ อาจจะมองออกได้ถึงความเป็นไปได้ 5 ประการที่อาจเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และด้านตลาดคริปโตเองก็ยังคงดิ้นรนอย่างหนักที่จะฟื้นตัวกลับมาเป็นขาขึ้น
นักเทรดคาดว่าเดือนกรกฎาคมจะเป็น “ตัวกระตุ้นที่สำคัญ” ให้กับราคา BTC
“เฉื่อยชา” เป็นคำที่ดีในการอธิบายความรู้สึกที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้ามาเทรด Bitcoin ในสัปดาห์นี้
แม้ว่าในอาทิตย์ที่ผ่านราคา Bitcoin จะฟื้นตัวกลับมายืนเหนือราคา $20,000 ได้แต่นั่นก็อาจจะยังไม่ทำให้นักลงทุนทั่วไปหายใจไม่ได้ทั่วท้องอยู่ดี
ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 สัปดาห์ (WMA) อยู่ไกลห่างทำให้มีความเชื่อมั่นในขาขึ้นขยับตัวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้จากดัชนี Crypto Fear & Greed ที่ยังคงบอกได้เป็นอย่างดีว่าสถานการณ์ยังคงไม่สู้ดี
ความคาดหวังคือสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมจะทำให้เกิดความผันผวนครั้งใหญ่ครั้งต่อไปในสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์เสี่ยง
“กรกฎาคมจะเป็นเดือนที่เต็มไปด้วยความผันผวนเนื่องจากตัวเร่งปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้น”
Arthur Hayes อดีต CEO ของ BitMEX คาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับตัวลงอีกครั้ง
ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย เฟด ก็จะมีการปรับอัตราขึ้นดอกเบี้ย ในอัตรา 7.5%
“ภายในวันที่ 30 มิถุนายน (สิ้นสุดไตรมาสที่สอง) เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7.5% และเริ่มลดงบดุลลง วันที่ 4 กรกฎาคมตรงกับวันจันทร์ และเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคาร” Hayes เตือน
มีการคาดการณ์ว่าราคาต่ำสุดของ Bitcoin นั้นน่าจะอยู่ในช่วงระดับราคาประมาณ $14,000 – 16,000
ช่วงขาลงรอบนี้ปกติแค่ไหน?
นักเทรดที่ตกใจบางคนได้เทขาย BTC ของพวกเขา ด้านนักวิเคราะห์ก็พยายามที่จะแสดงให้ดูว่าตลาดหมี หรือตลาดขาลงรอบนี้ของคริปโตเป็นเรื่องปกติ
บริษัทวิเคราะห์ออนไลน์ Glassnode เผยแพร่งานวิจัยล่าสุด “A Bear of Historic Proportions” ที่ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคา BTC จะร่วงต่ำกว่า $20,000
“ระดับต่ำสุดของตลาดหมีถูกกำหนดตามสถิติในอดีตที่ BTC ที่ -75% ถึง -84% จาก ATH และใช้เวลา 260 วันในปี 2019-20 เป็น 410 วันในปี 2015”
สิ่งที่เป็นวิกฤตในปัจจุบันกลับไม่ใช่ราคา Bitcoin แต่เป็นปฏิกิริยาของนักลงทุนที่ตอบสนองต่อความผันผวนของราคา
“นักลงทุนโดยรวมขาดทุน 4.2 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ซึ่งเพิ่มขึ้น 22.5% จากสถิติก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.4 พันล้านดอลลาร์ในช่วงกลางปี 2021” Glassnode กล่าว
BTC ปิดเหนือราคา $20,000
เหลือเวลาอีกสามวันก่อนการปิดกราฟเดือนในเดือนมิถุนายน สิ่งต่าง ๆ ดูน่ากังวลหรือ “น่าสนใจ” สำหรับ Bitcoin ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนๆ หนึ่ง
ด้วยตลาดขาลงของ BTC/USD ยังคงต่ำกว่าเส้นแนวโน้มหลักที่เป็นแนวรับสนับสนุนในช่วงระดับต่ำสุดครั้งก่อน เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 ในกราฟสัปดาห์ (WMA) ปัจจุบันอยู่ที่ราคา $22,430
การวิเคราะห์กราฟที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ Bitcoin กับเส้น 200WMA เทียบกับระยะห่างจากเหตุการณ์การ Halving ซึ่งแสดงถึงวัฏจักรในรอบ 4 ปี
ในขณะเดียวกัน Checkmate หัวหน้านักวิเคราะห์บนเครือข่ายของ Glassnode ได้สังเกตเห็นลักษณะตลาดหมี ซึ่งในขณะนี้เป็นกำหนดการเคลื่อนไหวของราคา BTC
จากรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ Mayer Multiple แสดงให้เห็นว่าราคา Bitcoin ยังคงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน
ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบหลายเดือน
เมื่อไม่นานมานี้ altcoins ดูเหมือนว่าได้รับผลกระทบจากช่วงตลาดขาลงมากกว่า Bitcoin เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจากโปรเจกต์สำคัญ ๆ หลายโครงการ รวมถึงการล่มสลายของโปรเจกต์เหรียญ Terra และ Celsius
อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin ดูเหมือนว่าจะมีกลับตัวเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนำไปสู่ข้อเสนอแนะว่า ส่วนแบ่งตลาดที่เคยอยู่กับ Bitcoin ได้โยกย้ายไปอยู่ที่ altcoins แล้วถึงแม้จะได้แค่เวลาสั้น ๆ ก็ตาม
“ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin กำลังลดลงอย่างมาก ข้อได้เปรียบอยู่ที่ altcoins ในตอนนี้” นักวิเคราะห์ BTCfuel กล่าวบนทวีต
Bitcoin กลับมาสู่กระแสหลักอีกครั้ง ด้วยเหตุผลผิด ๆ
Bitcoin เป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกระแสหลักมากกว่าช่วงเวลาใด ๆ แต่นั่นก็อาจจะไม่ใส่สิ่งที่ดีเสมอไป
ตามข้อมูลจาก Google Trends บ่งชี้ว่ามีผู้ค้นหาคำว่า “Bitcoin” ในเดือนนี้เยอะมากกว่าทุกเดือน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2021
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การเคลื่อนไหวของราคา BTC อาจจะยังคงเป็นขาลงมากกว่าในระยะยาว สิ่งนี้บ่งชี้ว่าเป็นเหตุการณ์ขาลงที่จะทำให้นักลงทุนทุกคนเกิดความกลัว
เห็นได้จาก คำยอดฮิตที่ผ้คนนิยมนำไปค้นหากันในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นคำว่า “Bitcoin ตายแล้ว” ซึ่งได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดอยู่ในช่วง “ยอมจำนน”