<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ข้อมูลเผยการเคลื่อนไหวของจีนอาจส่งกระทบต่อราคาของ BTC, ETH, BNB, XRP, ADA และ Solana

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin, Ethereum และเหรียญ Crypto ชั้นนำตัวอื่น ๆ รวมถึง BNB, XRP, Cardano, Dogecoin, Polygon และ Solana กำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในเดือนนี้ (เช่นเดียวกับที่ IMF สร้างความประหลาดใจให้กับ crypto อย่างไม่คาดฝัน)

ด้วยราคา bitcoin ที่เพิ่มขึ้นมากเกือบสองเท่าในปีนี้ แม้ว่าจะมีความกังวลด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับการปราบปราม crypto ที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ามันอาจบานปลาย ในส่วนของราคาเหรียญอื่น ๆ อย่าง Ethereum และเหรียญสิบอันดับแรกอย่าง BNB, XRP, cardano, dogecoin, polygon และ solana ก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน

ตอนนี้ Jeremy Allaire ผู้บริหารระดับสูงของ Circle ผู้ออก Stablecoin ชื่อดังอย่าง USDC มูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ได้เล็งเห็นถึง “ความต้องการมหาศาล” สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดเกิดใหม่ โดยมีจีนและเอเชียเป็น “ศูนย์กลาง”

“เห็นได้ชัดว่าฮ่องกงต้องการสร้างตัวเองให้เป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับตลาด Crypto และเหรียญ Stablecoin ซึ่งเรากำลังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสิ่งนั้น” Allaire กล่าวกับ Bloomberg ที่งาน World Economic Forum ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน โดยเรียกเอเชียว่าเป็น “huge area of focus” หรือ พื้นที่ที่มีขอบเขตขนาดใหญ่ในการให้ความสำคัญไปกับบริษัท”

“เราเล็งเห็นถึงความต้องการเงินดอลลาร์ดิจิทัลจำนวนมหาศาลในตลาดเกิดใหม่ และเอเชียก็เป็นศูนย์กลางของสิ่งนั้น” Allaire กล่าว

ฮ่องกงที่ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนได้เปิดตัวระบบการออกใบอนุญาต crypto ใหม่ที่คาดว่าจะเป็นการเปิดตัวเมืองต้นแบบสำหรับการซื้อขาย bitcoin, ethereum และ crypto ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปราม crypto ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้บริษัท bitcoin และ crypto ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐบางแห่งต้องดิ้นรนเพื่อหาบ้านใหม่ในทั่วโลก

“สิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกงอาจเป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดเหล่านี้เติบโตขึ้นในจีนในที่สุด” Allaire กล่าว

นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า HSBC Hong Kong ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศได้เริ่มอนุญาตให้ลูกค้าซื้อขาย bitcoin และ ethererum exchange-traded fund (ETFs) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแล้ว

ข่าว bitcoin, ethereum และ crypto ETF ของ HSBC เกิดขึ้นในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้รับแรงกดดันอีกครั้งสำหรับการอนุมัติ ETF bitcoin หลังจากมีการยื่นสมัครขอเปิดตัวกองทุนจาก BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึง Invesco, WisdomTree, Bitwise และ VanEck ในยื่นสมัครเป็นรายถัดมา

ที่มา: forbes