<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitkub Exchange จับมือ NDID ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ยืนยันตัวตนได้ทันที ผ่านแอปธนาคาร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับบริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (National Digital ID หรือ NDID) เพื่อนำระบบการยืนยันตัวตนดิจิทัลด้วย NDID มาใช้งานในระบบยันยันตัวตน (KYC) ร่วมกับบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2566 

คุณบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “Platform ที่ NDID ให้บริการคือการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย และได้มาตรฐาน รวมถึงมีพรบ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์รองรับ ซึ่ง NDID สามารถให้การทํา E-KYC ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนเป็นออนไลน์แบบ 100%  เรามีบทพิสูจน์มาแล้วกับการเปิดบัญชีข้ามธนาคาร ด้วยวิธีการนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ให้การยอมรับว่าสามารถใช้กับการเปิดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลได้ อีกทั้ง NDID ไม่มีการเก็บข้อมูลใด ๆ พร้อมมีผลทางกฎหมายรองรับการทำธุรกรรมอย่างชัดเจน”

คุณอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ได้กล่าวถึงการที่ NDID เข้ามาจะช่วยทำให้การบริการต่อลูกค้าดีขึ้นได้อย่างไร “บริษัท บิทคับ ออนไลน์  เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการต่อลูกค้าเสมอมา เราปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ออกมาใหม่ พร้อมทั้งมองหาแนวทางการพัฒนาระบบที่ดีให้กับลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน ซึ่ง NDID เรามองว่าตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า ประเด็นแรกลูกค้าไม่จําเป็นต้องเดินทางไปยืนยันตัวตนที่อื่น สามารถทำผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือได้ทันที นอกจากนี้ ข้อมูลของลูกค้าที่เคยเปิดบัญชีไว้กับผู้ให้บริการรายอื่น เช่น ธนาคารหรือเอกชนที่เข้าร่วมกับ NDID จะถูกส่งนำส่งข้อมูลให้ผ่าน NDID มาได้เลยทันที ดังนั้นลูกค้าจะได้รับความสะดวกสบาย ไม่จําเป็นต้องกรอกข้อมูลเองทั้งหมด จึงถือว่า NDID เป็นอีกหนึ่งช่องทางยืนยันตัวตนที่ตอบโจทย์และมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้า”

คุณพงศกร สุตันตยาวลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวถึง NDID สามารถเสริมความไว้วางใจในตัวแพลตฟอร์มได้มากขึ้นอย่างไร “NDID มีการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรับลงทะเบียนและพิสูจน์ตัวตน (Identity Provider / IdP) เช่น ธนาคาร ที่เป็นถือว่าเป็นการนำส่งข้อมูลลูกค้าที่ผ่านการพิสูจน์ตัวตนมาแล้ว โดย IdP แต่ละรายเป็นผู้ให้บริการที่มีข้อมูลของลูกค้า เชื่อว่าลูกค้าหลายรายมีแอปพลิเคชันเหล่านั้นอยู่ในมือถืออยู่แล้ว ดังนั้นการมี NDID เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มของ Bitkub จะเสริมความสะดวกสบายในการยืนยันตัวตนของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ด้วยเช่นกัน เพราะว่า NDID ได้รับมาตรฐานมากมาย อีกทั้งระบบของ NDID ยังถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Decentralized ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งผู้ดูแลระบบคือ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัล ไอดี จำกัด ทางเราก็ค่อนข้างมั่นใจในระบบนี้ที่มีการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจากที่ทดสอบและพัฒนาจนถึงขึ้นนําไปถึงมือลูกค้าครับ”

e-KYC หรือ KYC ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร?

NDID (ย่อมาจาก National Digital ID) คือ บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอสมัครหรือใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการสมัครใช้บริการและเป็นการยกระดับการทำธุรกรรมออนไลน์ให้มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 

Bitkub Exchange นำระบบ NDID มาเป็นทางเลือกเพิ่มเติมจากการยืนยันตัวตน ณ จุดบริการ Counter Service ร้าน 7-Eleven (การทำ Dip Chip) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการของบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ โดยระบบยืนยันตัวตน NDID ที่ Bitkub Exchange พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป

** หมายเหตุ: ท่านสามารถศึกษาวิธีลงทะเบียนของแต่ละผู้ให้บริการได้จากลิงก์แนบต่อไปนี้

  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) คลิก
  • ธนาคารกรุงเทพ (BBL) คลิก
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คลิก
  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คลิก
  • ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) คลิก
  • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMB) คลิก
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GH BANK) คลิก
  • ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) คลิก
  • ธนาคารออมสิน (GSB) คลิก 
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (BAAC) คลิก

เกี่ยวกับ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์

บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ หรือบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการแก่บุคคลทั่วไปให้สามารถซื้อ ขาย และเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลได้ บริษัทได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยทุนจดทะเบียน 450 ล้านบาท และมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย