<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ล้วงลึกชีวิตของ Jimmy Zhong หัวขโมย 50,000 BTC จาก Silk Road หนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หนึ่งในเรื่องราวสุดลึกลับของโลกคริปโต คงไม่พ้นประวัติอาชญากรรมของ Jimmy Zhong แฮ็กเกอร์ผู้ขโมย Bitcoin (BTC) มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์จาก Silk Road เว็บไซต์ตลาดมืดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อซื้อขายสิ่งของผิดกฎหมาย โดยในปี 2012 เขาได้ขโมย Bitcoin มูลค่าหลายล้าน และสามารถปกปิดไว้ได้นานเกือบ 10 ปี แม้สุดท้ายเขาจะถูกพิพากษา แต่ Zhong ก็ถือเป็นโจรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกคริปโตเลยก็ว่าได้

ก่อนที่ Zhong จะถูกจับ เขาใช้เงินมากกว่า 5 ร้อยล้านบาทไปกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมหรู ไนต์คลับ และรถแลมโบกินี ภาพบนโซเชียลของเขาแสดงให้เห็นถึงชีวิตหรูหราที่ได้มาจากการโจรกรรม แต่มีใครเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของชายคนนี้เป็นอย่างไร? ทำไมผู้คนถึงยังคงพูดถึงเรื่องราวเขาจนกระทั่งทุกวันนี้?

ในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจะพาเพื่อน ๆ มาเจาะลึกชีวิตของ Jimmy Zhong นักแฮ็กผู้ขโมย Bitcoin นับพันล้าน เพราะเรื่องราวของเขาอาจมีอะไรน่าสนใจ จนหลายคนอาจคาดไม่ถึง

Jimmy Zhong หัวขโมย Bitcoin ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

ในคืนวันที่ 13 มีนาคม 2019 ณ กรุงเอเธนส์ รัฐจอร์เจีย ตำรวจเทศมณฑลเอเธนส์-คลาร์กได้รับสายเรียกเข้าที่ไม่เหมือนกับสายอื่น ๆ ที่เคยพบเจอ ในสายนั้น ชายผู้โทรมาคือ Jimmy Zhong วัย 28 ปี หนุ่มนักปาร์ตี้ขาประจำร้านเหล้าในท้องถิ่น

ตำรวจทราบดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ เพราะ Zhong ไม่เหมือนนักเลงคนอื่น ๆ ในเมืองนี้ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ บ้านของเขาเต็มไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยบนโลกดิจิทัลที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

ในคืนนั้น Zhong บอกว่าเขาโทรหาตำรวจเพื่อแจ้งเหตุอาชญากรรม โดย Zhong แจ้งว่าคริปโตมูลค่าหลายแสนดอลลาร์ถูกขโมยไปจากบ้านของเขา และเขาก็กำลังรู้สึกทุกข์ใจเมื่อคิดถึงเงินที่สูญเสียไป ทั้งนี้ Zhong ได้ร้องทุกข์กับตำรวจพร้อมแสดงหลักฐานว่ามีคนบุกเข้าไปในบ้านของเขาจนทำให้หน้าต่างแตก

หน้าต่างบ้านของ Jimmy Zhong ในคืนนั้น ที่มา: CNBC

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง Zhong แสดงอาการตื่นตระหนก แต่เขากลับปฏิเสธข้อเสนอการโทรเรียกรถพยาบาล ก่อนเขาจะเริ่มพยายามอธิบายสถานการณ์ว่า “ผมเป็นนักลงทุน Bitcoin”

สายโทรศัพท์ฉุกเฉินของ Zhong นำไปสู่การส่งตัวหน่วยสืบสวนไปตามหาคริปโตที่ถูกขโมย โดยในขณะนั้น ตำรวจไม่ได้สงสัยในเหตุโจรกรรมที่บ้านของ Zhong เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีแรก ๆ เกี่ยวกับคริปโตที่ตำรวจเอเธนส์ต้องจัดการ ซึ่งแน่นอนพวกเขาไม่คุ้นเคยกับด้านมืดในโลกนี้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นทางตำรวจจึงล้มเหลวในการสืบสวน จนคดีนี้ไม่คืบหน้าเลยอยู่นานหลายปี

ในเวลาต่อมา Zhong ตัดสินใจหันไปหานักสืบเอกชนในท้องถิ่นที่ชื่อว่า Robin Martinelli ผู้เป็นเจ้าของบริษัท Martinelli Investigations มืออาชีพด้านกฎหมายในเมืองโลแกนวิลล์

ในความเป็นจริงแล้ว Martinelli ห่างไกลจากผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโต เธอเชี่ยวชาญในกระบวนการทางกฎหมาย เช่น การโกงคู่สมรส แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยินดีที่จะคลี่คลายคดีของ Zhong

Martinelli เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบคลิปวิดีโอจากวงจรปิดสุดไฮเทคในบ้านของ Zhong จากนั้นเธอก็เห็นชายสวมฮู้ดจากภาพในคืนที่เกิดเหตุอาชญากรรม

ภาพบุคคลปริศนาจากกล้องวงจรปิดในบ้านของ Zhong ที่มา: CNBC

ผู้ต้องสงสัยดูเหมือนจะรู้จักรอบ ๆ บ้านของ Zhong ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ Martinelli เชื่อว่าเขาเป็นเพื่อนหรือเป็นคนที่เคยได้ยิน Zhong พูดอวดเรื่อง Bitcoin ของเขา โดยจากวิดีโอ Martinelli สามารถระบุส่วนสูงและแม้แต่ขนาดมือของผู้ต้องสงสัยได้ แต่ Zhong กลับต่อต้านข้อสันนิษฐานของเธอ และแสดงออกเหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการได้ยินสิ่งที่เธอพูด

Martinelli เข้าใจว่าทำไม Zhong ถึงทำท่าทีแบบนั้น เธอมองว่าเขาอาจจะเจ็บปวดกับความคิดที่ว่าคนใกล้ตัวเขาเป็นคนทรยศ อีกทั้งผู้คนมากมายทั่วเมืองเอเธนส์ยังรู้สึกเช่นเดียวกันกับเธอ เพราะในช่วงหลายปีก่อนเกิดเหตุโจรกรรม Zhong มีชื่อเสียงจากการทุ่มเงินจำนวนมากไปกับผู้คนรอบ ๆ เมือง

“Jimmy เป็นคนดี เขาแค่ต้องการเพื่อน” เธอกล่าว และการสืบสวนของเธอก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าการจับตาดูเพื่อนของ Zhong การตามพวกเขาไปที่บ้านและบาร์ในตัวเมือง การติดเครื่องติดตามบนรถและสำรวจโซเชียลมีเดีย และการตรวจสอบประวัติ

ทว่าไม่นานหลังจากนั้น ชีวิตของ Zhong ก็ดูน่าอิจฉามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะอาศัยอยู่ในบังกะโลที่เรียบง่ายนอกมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ได้ย้ายมาพักอยู่ในโรงแรมหรูหรา ทั้งนี้ตามเอกสารของศาลที่ CNBC ตรวจสอบ Zhong ยังช็อปปิ้งในร้านแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ เช่น Louis Vuitton, Gucci และยังขับรถหรูอีกหลายคัน

Zhong ถ่ายภาพกับผู้หญิงสองคนอยู่หน้ารถลีมูซีน ที่มา: CNBC

นอกจากนี้ Zhong ยังซื้อบ้านหลังที่สอง ซึ่งเป็นบ้านริมทะเลสาบพร้อมท่าเทียบเรือในเมืองเกนส์วิลล์ รัฐจอร์เจีย อยู่ไม่ไกลจากเมืองเอเธนส์ และในบ้านหลังนั้น เขาได้เตรียมเจ็ตสกี เรือยอทช์ โชว์เปลื้องผ้า และสุราไว้มากมาย บอกได้เลยว่าปาร์ตี้ของเขายิ่งใหญ่มาก

Zhong ถ่ายภาพกับผู้หญิงสองคนบนเรือยอทช์ของเขา ที่มา: CNBC

เท่าที่ทุกคนรู้ Zhong ไม่มีงานทำ เขาแค่บอกเพื่อน ๆ ว่าเขาเริ่มลงทุนใน Bitcoin ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยขุดเหรียญได้หลายพันเหรียญในช่วงแรก ๆ 

จากนั้นก็มีเหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้นในชีวิตของเขา โดยในปี 2012 หน่วยสืบสวนพบการแฮ็กเว็บ Silk Road ที่มีใครบางคนขโมย 50,000 BTC ออกไปจากเว็บไซต์ โดยตามเอกสารของศาล หน่วยสืบสวนสามารถติดตามตำแหน่งของคริปโตจากข้อมูลบนเครือข่ายบล็อกเชน แต่พวกเขาไม่สามารถระบุตัวตนของแฮ็กเกอร์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเฝ้าจับตาดูเป็นเวลาหลายปี ในขณะที่แฮ็กเกอร์โอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่ง และฟอกเงินเพื่อปิดบังแหล่งที่มาของเงิน

ในที่สุด Chainalysis บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนก็สามารถติดตามกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีทรัพย์สินของ Silk Road ที่ถูกขโมยไป โดย Chainalysis พบว่าแฮ็กเกอร์ทำผิดพลาดเล็กน้อย เพราะเขาโอนเงินมูลค่าประมาณ 800 ดอลลาร์ไปยังเว็บเทรด ซึ่งเว็บเทรดแห่งนั้นต้องทำการยืนยันตัวตน KYC ด้วยการใช้ชื่อจริงและที่อยู่ของผู้ถือบัญชี

บัญชีดังกล่าวถูกลงทะเบียนในชื่อของ Zhong และธุรกรรมผิดปกติทั้งหมดก็เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2019 หกเดือนหลังจากที่ Zhong โทรแจ้งตำรวจในท้องที่

ไม่นานนัก กรมสรรพากรได้โทรติดต่อกรมตำรวจประจำเขตเอเธนส์-คลาร์ก และขอความช่วยเหลือ โดยในเวลานั้น Jody Thompson หัวหน้าฝ่ายทรัพย์สินและอาชญากรรมทางการเงินในท้องถิ่น ได้ร่วมมือกับตัวแทนพิเศษของ IRS-CI Trevor McAleenan และ Shaun MaGruder, CEO ของบริษัทข่าวกรองทางไซเบอร์

นักสืบสวนทั้งสามคนได้วางแผนร่วมกัน เพื่อล่อให้ Zhong มาติดกับ โดยออกอุบายว่าพวกเขากำลังสืบสวนคดีการปล้น Bitcoin ที่บ้านของเขา ตามที่ Zhong โทรแจ้งเข้ามา แต่ในความเป็นจริง พวกเขากำลังสืบสวน Zhong เกี่ยวกับอาชญากรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่เขาก่อขึ้น

เมื่อชายทั้งสามคนเคาะประตูบ้านริมทะเลสาบของเขา Zhong ได้เปิดประตูออกอย่างกระตือรือร้น เขาเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนมาหาเพื่อช่วยไขคดีของเขา

“ถ้าพวกคุณแก้ปัญหานี้ให้ผม ผมจะเชิญคุณมาร่วมงานปาร์ตี้” Zhong บอกกับทั้งสามคน

เจ้าหน้าที่ออกอุบายโดยขอให้ Zhong เปิดแล็ปท็อปของเขา และอธิบายว่าเขาร่ำรวยด้วย Bitcoin ได้อย่างไร ดังนั้น Zhong จึงนั่งบนโซฟาข้างผู้สืบสวนและป้อนรหัสผ่านของเขา โดยขอให้พวกเขาหันหลังออกไปในขณะที่เขาพิมพ์ แต่เมื่อเขาเปิดแล็ปท็อป เจ้าหน้าที่ก็สามารถเห็นกระเป๋าเงิน Bitcoin ของเขาได้

“เขามี Bitcoin มูลค่า 60 หรือ 70 ล้านดอลลาร์อยู่ข้าง ๆ เรา” MaGruder กล่าว

ภาพจากกล้องติดตัว Zhong แสดงให้เจ้าหน้าที่เห็น Bitcoin มูลค่าหลายล้านดอลลาร์บนแล็ปท็อปของเขา ที่มา: CNBC

หลักฐานเหล่านี้เพียงพอที่หน่วยสืบสวนจะเชื่อว่ามาถูกทางแล้ว ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ก็ได้รับหมายค้นจากรัฐบาลกลางสำหรับการค้นบ้านของ Zhong ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2021

เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปในบ้าน บุกค้นทุกซอกทุกมุมเพื่อค้นหาหลักฐาน ทั้งนี้ McAleenan กล่าวว่าในตู้เสื้อผ้าชั้นบน พวกเขาพบกระป๋องป๊อปคอร์นที่มีคอมพิวเตอร์ซ่อนอยู่ข้างใน ซึ่งบรรจุ Bitcoin มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ไว้ในนั้น

กระป๋องป๊อปคอร์นที่มี Bitcoin มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ที่มา: CNBC

ถัดมา McAleenan ได้ใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก่อนจะพบตู้เซฟฝังอยู่ในคอนกรีตใต้กระเบื้องปูพื้นห้องใต้ดิน โดยตู้เซฟดังกล่าวบรรจุโลหะมีค่า กองเงินสด และกระเป๋าเงินที่มี Bitcoin จากการแฮ็ก Silk Road ในปี 2012 ซึ่งแน่นอนว่า Zhong ถูกจับกุมในที่สุด

หลักฐานที่พบในระหว่างหมายค้น ที่มา: CNBC

นอกจากนี้ McAleenan ยังพบว่า Zhong เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเขียนโค้ดรุ่นแรก ๆ ที่ทำงานเพื่อพัฒนา Bitcoin ในปี 2009 แต่ถึงแม้เขาจะมีส่วนร่วมน้อยกว่านักพัฒนาคนอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงในชุมชน Bitcoin อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นผู้มีส่วนร่วมในการเขียนโค้ดดั้งเดิมของ Bitcoin ทั้งยังเป็นผู้เสนอแนวคิดสำคัญ ๆ ให้กับนักพัฒนา Bitcoin ยุคแรก ๆ เช่นวิธีลดขนาดของบล็อกเชน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง แฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา Bitcoin ได้กลายมาเป็นหนึ่งในจอมโจรหัวขโมย Bitcoin ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

ที่มา: cnbc