ธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลกอย่าง Goldman Sachs คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจลดอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเร็วที่สุดอาจเริ่มในไตรมาสที่ 3 ปี 2024
ตามรายงานเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เผยว่า อัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความเสี่ยงของนักลงทุน Goldman Sachs เคยคาดการณ์ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2024 แต่คาดการณ์นี้ถูกเปลี่ยนเป็นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 แทนเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง Reuters
นอกจากนี้ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งของ Fed จะทำให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.875% ภายในสิ้นปี 2024 แทนที่จะเป็น 5.13% ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม แสดงผลลัพธ์ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด หลังจากตัวเลขของรายงานการจ้างงานประจำเดือนของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.7% จาก 3.9% ในเดือนตุลาคม
รายงานของ Reuters อ้างคำกล่าวของนักเทรดว่า ประสิทธิภาพการทำงานของตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้นจะไม่ขัดขวาง Fed จากการลดอัตราดอกเบี้ย พวกเขาคาดว่าการลดครั้งแรกจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 เร็วกว่าการคาดการณ์ของ Goldman Sachs สองไตรมาส
ข้อความบางส่วนจากบันทึกของ Goldman Sachs เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed:
“การเติบโตที่แข็งแกร่งและข้อมูลตลาดแรงงานบ่งชี้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่ใกล้เข้ามา… แต่ข่าวเงินเฟ้อที่ดีขึ้นชี้ให้เห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าเดิมเล็กน้อย”
จะส่งผลอย่างไรต่อราคา Bitcoin
ทั้งนี้การลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed อาจทำให้ราคา Bitcoin มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจะมีความอยากเสี่ยงมากขึ้นและหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง
นอกจากนั้นแล้ว Bitcoin Halving ในเดือนเมษายน 2024 ที่ใกล้จะถึงจะส่งผลให้อุปทานของ Bitcoin ลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาว ซึ่งหากทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันอาจส่งผลให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นในระยะยาว
ในขณะที่เขียน Bitcoin กำลังอยู่ที่ราคา 41,776 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นราว 1.68% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ที่มา: cointelegraph