<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จำนวนผู้ถือ Bitcoin บน Coinbase แตะจุดต่ำสุดในรอบ 9 ปี หลังเจ้ามือแห่ถอนเหรียญออกอย่างต่อเนื่อง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าการถือครอง Bitcoin บนกระดานเทรดแบบกระจายศูนย์จะลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีรายงานว่าจำนวนการถือครองเหรียญบน Coinbase ได้ลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบเก้าปี หลังจากที่เจ้ามือได้ถอน Bitcoin ออกอย่างต่อเนื่อง โดยมีธุรกรรมใหญ่ที่สุดมีมูลค่ารวมกว่า 18,000 BTC หรือเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ออกจากแพลตฟอร์ม

ส่งผลให้ในตอนนี้ Coinbase ถือครองเหรียญอยู่ประมาณ 394,000 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 20.5 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้จุดประกายการตีความที่หลากหลายภายในชุมชนสกุลเงินดิจิทัล สะท้อนถึงมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลกระทบต่ออนาคตของ Bitcoin

ซึ่งการที่เจ้ามือได้ถอน Bitcoin จำนวนมากออกจากกระดานเทรดนั้น ถือเป็นสัญญาณดีสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัล เพราะการที่จำนวน Bitcoin บนแพลตฟอร์มได้ลดลง จะส่งผลให้ตัวเหรียญขาดแคลนและผลักดันให้ราคาเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การมาของเหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่จะขึ้นในเดือนเมษายน จะส่งผลให้จำนวน Bitcoin ที่ถูกผลิตออกมาลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC ในทุกๆ 740,000 บล็อก ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาเหรียญเพิ่มขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ชุมชนคริปโตก็ได้ตั้งคำถามถึงแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการโอนเงินจำนวนมากออกจาก Coinbase ในครั้งนี้ ในขณะที่บางคนคาดว่าเจ้ามือรายดังกล่าวสะสมเหรียญเพื่อรอ Bitcoin Halving ในขณะที่บางส่วนคาดว่าเจ้าของ Wallet รายดังกล่าวอาจเป็นกองทุน Bitcoin ETF

โดยจากข้อมูลล่าสุดเผยว่า จำนวนเงินทุนที่ไหลเข้ารายวันของ Bitcoin ETF นั้นมีมูลค่ามากถึง 500 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 9,650 BTC ซึ่งน้อยกว่าจำนวนที่นักขุดสามารถขุดได้ต่อวันที่มีเพียง 900 BTC และอาจลดลงไปเหลือ 450 Bitcoin หลังจากเหตุการณ์ Halving ความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานนี้เป็นสัญญาณที่ดีในอดีตสำหรับราคา Bitcoin ที่จะพุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลในอนาคต

และในขณะที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของเจ้ามือที่เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ หรือแม้กระทั่ง Bitcoin Halving และเราก็คงต้องมาติดตามกันต่อไปว่า พวกเขาจะทำอะไรต่อไป

ที่มา: Cryptopolitan