การมาของ Bitcoin ETF ทำให้ราคา Bitcoin (BTC) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้ทำลายสถิติ All Time High อีกครั้ง โดยพุ่งทะลุระดับ 71,000 ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 72,000 ดอลลาร์ เหตุการณ์สำคัญนี้ไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงราคาที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 60% เพียงอย่างเดียว (นับตั้งแต่ต้นปี 2024) แต่ยังช่วยผลักดันมูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin ให้เพิ่มขึ้นแตะ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ Bitcoin มีสถานะเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ของโลก
ย้อนกลับไปในวันที่ 11 มีนาคม 2023 การถูกพูดถึงของ Bitcoin นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ด้วยราคา BTC เพียง 20,000 ดอลลาร์หลังจากร่วงลงมาจากระดับราคา 30,000 ดอลลาร์ ผู้ที่ยังมีความสงสัยในตัว’บิตคอยน์’ได้ละทิ้งบทบาทของตนอย่างรวดเร็วในการถือครอง ’บิตคอยน์’ แต่หลังจากนั้น Bitcoin ยังคงรักษาความหวังของนักลงทุนเอาไว้ได้ ด้วยการฟื้นโมเมนตัมของราคาขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนต่อมา
เดือนมิถุนายนของปีเดียวกันได้เกิดช่วงเวลาสำคัญกับ BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยประกาศความตั้งใจที่จะเปิดตัวกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin (ETF) การประกาศครั้งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้เปลี่ยนเกม
อย่างชัดเจน ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเดือนมกราคม 2024 และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ได้อนุมัติ Bitcoin ETFs ทั้ง 11 กองทุนอย่างเป็นทางการ ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดทุนเดิมเข้าถึง BTC ได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินมหาศาลที่ผลักดันราคาของ Bitcoin ไปสู่ All Time High ได้เลยทีเดียว
สัปดาห์ที่แล้วถือเป็นอีกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เมื่อ Bitcoin ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลในปี 2021 ก่อนการ Halving ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ราคาแข็งค่าขึ้นอีกในปัจจุบัน การที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นเกือบ 72,000 ดอลลาร์ ถือเป็นการตอกย้ำถึงโมเมนตัมที่ไม่เปลี่ยนแปลง และทำให้ Bitcoin มีสถานะเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่น่าจับตามอง
เนื่องจากมูลค่าตลาดของ Bitcoin มีมูลค่าสูงถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ Bitcoin แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง Meta (เดิมคือ Facebook) และ แร่เงิน(Silver)
ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก อย่างไรก็ตามคำถามยังคงอยู่ ใครจะเป็นรายต่อไป ?
คู่แข่งที่น่าเกรงขามของ Bitcoin ถัดไปคือ Alphabet และ Amazon ตามลำดับถือเป็นเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากเย็นแสนเข็ญเพื่อก้าวข้ามยักษ์ใหญ่ขององค์กรเหล่านี้ หากต้องการแซงหน้าบริษัทแม่ของ Google ราคาของ Bitcoin จะต้องเกิน 85,000 ดอลลาร์ ซึ่งเทียบได้กับการเพิ่มขึ้น 20% และการก้าวข้ามอาณาจักรองค์กรของ Jeff Bezos ราคา Bitcoin จะต้องพุ่งเหนือระดับ 94,000 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 30% จากระดับราคาปัจจุบัน
แต่ถึงกระนั้น ทองคำ (Gold) ก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด ซึ่งการที่ Bitcoin จะมีมูลค่าแซงหน้าทองคำได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยแรงผลักดันมหาศาล โดยราคา Bitcoin ต้องพุ่งสูงไปแตะระดับ 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ตัวเลขดังกล่าวมองดูเหมือนเป็นความคาดหวังที่สูงเกินไป แต่ประวัติการเติบโตของ Bitcoin ก็เป็นตัวการันตีได้เป็นอย่างดี โดยราคาที่พุ่งสูงเกินกว่า 60% นับตั้งแต่ต้นปี 2024 และการเพิ่มขึ้นของราคาถึง 40% ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น
Bitcoin ยังคงสร้างนิยามใหม่ให้กับระบบการเงินของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไร้ศูนย์กลาง (decentralized digital assets) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพอันมหาศาลในการปฏิวัติวงการ แม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่ข้างหน้าแต่การเดินทางสู่การยอมรับอย่างกว้างขวางและการเริ่มเป็นที่รู้จักในโลกการเงินกระแสหลักนั้น กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี โดยบิตคอยน์เป็นผู้นำในการสร้างระบบนิเวศทางการเงินรูปแบบใหม่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็น ’ระบบการเงินในอุดมคติ’ เลยทีเดียว
- ที่มาข่าว: dailycoinpost