<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CryptoQuant เผยราคา Bitcoin ต้องอยู่เหนือ 80,000 ดอลลาร์ หลังการ Halving นักขุดถึงกำไร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หากจะทำให้นักขุดสามารถทำกำไร และดำเนินการขุดต่อไปได้ ราคาของ Bitcoin (BTC) จำเป็นต้องมากกว่า 80,000 ดอลลาร์ หลังจากการ halving

ตามข้อมูลจาก Ki Young Ju CEO ของ CryptoQuant ระบุว่า ต้นทุนการขุด Bitcoin ด้วยเครื่อง Antminer S19 XP จะเพิ่มขึ้นจาก 40,000 ดอลลาร์ เป็น 80,000 ดอลลาร์ หลังการ halving ของ Bitcoin ในช่วงกลางเดือนเมษายน

Bitcoin Halving เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นทุก ๆ 210,000 บล็อก หรือประมาณทุก ๆ 4 ปี โดยมีผลทำให้รางวัลตอบแทนที่ผู้ขุดได้รับสำหรับการขุดแต่ละบล็อกลดลงครึ่งหนึ่ง

นอกเหนือจากผลกระทบทางอ้อมต่อราคา Bitcoin แล้ว  เหตุการณ์การ halving ยังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของนักขุดอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากต้นทุนการขุดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อให้ได้รับ Bitcoin ในจำนวนเท่าเดิม

หลังจากเหตุการณ์การ halving ในเดือนพฤษภาคม 2020 ราคาที่ทำให้ การขุด Bitcoin ของนักขุดมีกำไร ราคา Bitcoin ต้องอยู่สูงกว่าระดับ 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นราคา Bitcoin ก็พุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดครั้งใหม่ที่ 69,000 ดอลลาร์ 

ต้นทุนในการขุด Bitcoin โดยเฉลี่ย เมื่อวันที่ 6 เมษายนอยู่ที่ 49,902 ดอลลาร์ และในขณะที่เขียน ราคา BTC ซื้อขายอยู่สูงกว่าระดับ 70,000 ดอลลาร์ หลังจากเหตุการณ์การ halving ในวันที่ 20 เมษายน ต้นทุนการขุดโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นสูงกว่า 80,000 ดอลลาร์ และเพื่อให้นักขุดสามารถดำเนินการต่อไปอย่างมีกำไรนั้น ราคา Bitcoin จะต้องซื้อขายสูงกว่าราคานั้น

ในอดีตราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นหลายเท่าหลังจากเหตุการณ์การ halving ซึ่งหลังจากการ halving ในปี 2012 ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นประมาณ 9,000% เป็น 1,162 ดอลลาร์

หลังจากการ halving ในปี 2016 ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นประมาณ 4,200% เป็น 19,800 ดอลลาร์ และหลังจากการ halving ในปี 2020 ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นเกือบ 683% เป็น 69,000 ดอลลาร์

ดังนั้นนักขุดส่วนใหญ่ยังคงทำกำไรได้ แม้จะกลัวว่าจะอยู่ไม่รอดหลังจากเหตุการณ์การ halving แต่ละครั้งก็ตาม เหตุการณ์การ halving ยังทำให้เครื่องขุดหลายเครื่องที่ล้าสมัย ไม่สามารถแข่งขันกับความต้องการพลังงานการขุดที่สูงได้

หลังจากการ halving แต่ละครั้ง จะมีช่วงหนึ่งที่ราคา Bitcoin ยังคงต่ำกว่าราคาที่ทำกำไรได้ของนักขุด ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการขายแท่นขุดที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับนักขุดเหมืองรายย่อยจำนวนมากที่มักปิดตัวลง

อย่างไรก็ตาม เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปทานในตลาดที่ลดลง ราคา Bitcoin จึงสูงขึ้นและมักจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าต้นทุนการขุดโดยเฉลี่ยสำหรับนักขุด

ที่มา : cointelegraph