หลังจากเหตุการณ์ Halving ทุกคนต่างคิดว่า ค่าธรรมเนียมธุรกรรมของ Bitcoin จะแพงขึ้น เพื่อเป็นการชดเชยรางวัลบล็อกที่ถูกปรับลดลง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ มีธุรกรรมของผู้ใช้ Bitcoin รายหนึ่ง ที่ทำการโอน Bitcoin จำนวน 6,791 BTC บนเครือข่าย Bitcoin mainnet แต่กลับจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเพียง 10 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับจำนวน Bitcoin ที่ถูกโอน
ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า $1
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าค่าธรรมเนียมธุรกรรมของ Bitcoin ที่ต่ำนั้นเกิดจากขนาดบล็อกที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ หรือไม่
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ BitInfoCharts ชี้ให้เห็นว่า ปกติแล้วเครือข่าย Bitcoin จะคิดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมประมาณ $16 แต่กรณีที่ยกมากลับมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำเพียง $0.33 เท่านั้น
ค่าธรรมเนียมที่ต่ำนี้อาจเป็นผลมาจากทราฟิกบนเครือข่าย Bitcoin ที่น้อยกว่าปกติ ในช่วงเวลาที่ทำธุรกรรมนั้น อาจมีคนใช้ Bitcoin น้อย ทำให้มีช่องว่างว่างในบล็อกมากกว่าปกติ เมื่อมีช่องว่างว่างมากขึ้น ผู้ใช้ก็สามารถเลือกที่จะตั้งค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำได้ โดยธุรกรรมเหล่านั้นก็ยังคงได้รับการยืนยันภายในเวลาอันสมควร
Bitcoin ยืนเหนือระดับราคา $65,000
ในขณะที่รายงาน Bitcoin ซื้อขายกันอยู่ที่ราคา $65,100 ลดลง -0.12% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาของ Bitcoin ในปัจจุบันยังคงลดลงมากกว่า 4% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 7 วันก่อน
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดการ Halving มูลค่าของ BTC ได้ร่วงลงแตะระดับราคา $59,600 การเคลื่อนไหวของราคานี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า ราคามักมีความผันผวนอย่างรุนแรง ในช่วงไม่กี่วันก่อนเหตุการณ์ Halving และในครั้งล่าสุด จำนวน BTC ที่ขุดได้ลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC
ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้สร้าง Bitcoin ได้ออกแบบกลไกการลดการเกิดเงินเฟ้อ หรือ Bitcoin Halving เพื่อลดจำนวน Bitcoin (BTC) ที่สามารถขุดได้ทุกวันลง แนวคิดหลักคือ เมื่อความต้องการ Bitcoin มีมากกว่าจำนวน Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ มูลค่าของ Bitcoin จะรักษามูลค่าของตัวมันเองไว้ และส่งผลให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
แม้นักเทรดส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาของ Bitcoin จะพุ่งสูงขึ้นหลังเหตุการณ์ Halving แต่กว่าที่ราคาจะปรับเปลี่ยนอย่างชัดเจนนั้นอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน ซึ่งเราก็คงต้องติดตามรอดูกันต่อไป
ที่มา:cointab