<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ย้อนรอยตำนาน Bitcoin : นักพัฒนายุคแรกที่สูญเสีย 25,000 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักพัฒนา Bitcoin ยุคแรก ๆ ที่ใช้นามแฝงว่า ‘ALLINVAIN’ ต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่ยากจะทำใจในปี 2011 เนื่องจากเขาทำ Bitcoin หายไปกว่า 25,000 BTC เนื่องจากความสะเพร่าของตัวเขาเองในแง่ของความปลอดภัย  เรื่องราวของเขายังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงข้อควรระวังในโลกคริปโตที่ผู้ใช้ Bitcoin ในยุคแรกต้องพบเจอ มาดูกันว่าเขาผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ยังไง

ALLINVAIN คือใคร?

ในช่วงยุคแรก ๆ ที่ Bitcoin ยังมีการซื้อขายกันอยู่ที่ราคาต่ำกว่า 0.05 ดอลลาร์ นักพัฒนาที่รู้จักกันในชื่อนามแฝงว่า ALLINVAIN ได้ขุดและเทรด Bitcoin จนถึงช่วงปี 2010 นอกจากนี้เขายังได้เปิดตัวหนึ่งในเว็บเทรด Bitcoin แห่งแรกอย่าง Bitcoin Express ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถซื้อ Bitcoin ด้วย PayPal

การทำธุรกรรมในช่วงแรกนั้น ขายกันที่ 1,000 BTC ต่อ 5 ดอลลาร์เท่านั้น ในเวลานั้นเขาสามารถขุด Bitcoin ได้ประมาณ 1,200 BTC ต่อวันด้วยแล็ปท็อปเพียงเครื่องเดียว อย่างไรก็ตาม ความง่ายในการขุด Bitcoin ได้เปลี่ยนไปในปี 2011 เมื่อมีผู้คนเข้าร่วมเครือข่ายมากขึ้น ส่งผลให้ความยากในการขุดเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ALLINVAIN กล่าวติดตลกไว้ว่า “เหมือนกับว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแม่ พ่อ ลูกพี่ลูกน้อง และแม้กระทั่งสุนัขของพวกเขาก็เริ่มขุด Bitcoin กันหมด”

กราฟความยากในการขุด Bitcoin ที่มา: Galssnode

เพื่อสนับสนุนระบบเศรษฐกิจของ Bitcoin เขาเริ่มซื้อขายสินค้าในโลกจริงด้วย Bitcoin เช่น ทำหน้าที่เป็นตัวแทนการซื้อขายให้ผู้ใช้ชาวแคนาดาที่ต้องการซื้อบัตร Gift-card ความทุ่มเทให้กับระบบเศรษฐกิจ Bitcoin ทำให้เขาได้รับสถานะเป็น “Bitcoin whale” เนื่องจากเขาสะสม Bitcoin ได้เป็นจำนวนมากกว่า 25,000 BTC

ในช่วงต้นปี 2011 มูลค่าของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นไปแตะที่ $30 ซึ่งถือเป็นฟองสบู่ครั้งสำคัญครั้งแรกของสกุลเงินดิจิทัลตัวนี้ ในขณะนั้น มูลค่าทรัพย์สินของ ALLINVAIN เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ $500,000 แต่ทว่าโชคชะตากลับพลิกผัน โดยในวันที่ 13 มิถุนายน 2011 เขาพบว่ามีธุรกรรม Bitcoin จำนวน 25,000 BTC ถูกโอนออกจากกระเป๋าเงินของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต

“เช้าวันนั้นผมรู้สึกแย่อย่างมาก ผมเพิ่งตื่นขึ้นมาและพบว่า Bitcoin จำนวนมากหายไปจากกระเป๋าเงินของผม สิ่งเดียวที่ผมคิดได้คือ น่าเสียดายที่ไฟล์กระเป๋าเงินไม่ได้ถูกเข้ารหัสบน HD ผมรู้สึกว่านี่เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ได้ย้ายเงินเหล่านั้นไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ไม่ใช่ระบบ Windows” ALLINVAIN เขียนไว้

การโจรกรรมครั้งนี้ส่งผลให้ ALLINVAIN สูญเสียทรัพย์สินที่มีมูลค่าประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบันไป ซึ่งส่วนหนึ่งเขายอมรับว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความสะเพร่าในแง่ของความปลอดภัยจากตัวเขาเอง โดยระบุว่าไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่ได้เข้ารหัสของเขาถูกโจมตี อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากโดย Trojan Virus ที่แฝงตัวอยู่ในรูปของซอฟต์แวร์การขุด Bitcoin

ข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยได้รับการรายงานข่าวจาก Forbes ซึ่งขนานนามว่าเป็นการโจรกรรมครั้งใหญ่ของ Bitcoin ครั้งแรกในประวัติศาสตร์  ทั้งนี้มีทฤษฎีสมคบคิดมากมาย โดยบางคนคาดการณ์ว่า ALLINVAIN จัดฉากการโจรกรรมขึ้นเอง แต่อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าเป็นความผิดของเขาเอง โดยเป็นเพราะการรักษาความปลอดภัยที่ไม่ดี

ถึงแม้ว่า ALLINVAIN จะต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่เขาก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในชุมชน Bitcoin ในที่สุด โดยหลังจากเหตุการณ์นั้นเขาได้เริ่มธุรกิจการขุดแบบโฮสต์เพื่อสร้างสินทรัพย์ของเขาขึ้นมาใหม่ ส่วนประสบการณ์ของเขานั้น เป็นเครื่องเตือนใจชั้นดีให้แก่ผู้ที่คิดจะลงทุน Bitcoin ถึงความจำเป็นในการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ในโลกคริปโตเคอร์เรนซีที่ควรให้ความสนใจมาเป็นอันดับแรก

ที่มา:beincrypto