ดูเหมือนว่ายอดขาย Non-fungible tokens (NFTs) จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามียอดลดลงเหลือเพียง 374 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอดขายรายเดือนต่ำที่สุดในปี 2024 และเป็นครั้งแรกที่ยอดขายมีมูลค่าต่ำกว่า 400 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
ข้อมูลจาก CryptoSlam ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มติดตามการซื้อขาย NFT พบว่าในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตลาดมียอดขายรวมเพียง 374 ล้านดอลลาร์ ซึ่งห่างไกลจากสถิติสูงสุดในปี 2024 ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม หลังยอดขายในปัจจุบันลดลงถึง 76%
โดย NFTs เริ่มต้นปี 2024 อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยยอดขายรวมไตรมาสแรกที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่สามารถรักษาโมเมนตัมนี้ได้ ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาสที่สองลดลงเหลือ 2.24 พันล้านดอลลาร์ หรือลดลง 45% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
แม้ว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม แต่ NFTs ก็ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงต่อเนื่องโดยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน หลังมียอดขายลดลงเหลือ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ก่อนที่ยอดขายรายเดือนยิ่งลดลงอีกเมื่อถึง 598 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
และในเดือนกรกฎาคม ยอดขาย NFT ก็ได้ลดลงอยู่ที่ 427 ล้านดอลลาร์ แต่แม้ยอดขายรายเดือนจะลดลง จำนวนธุรกรรม NFT กลับเพิ่มขึ้นถึง 87% จาก 5.7 ล้านในเดือนมิถุนายน เป็น 10.7 ล้านในเดือนกรกฎาคม
ในขณะที่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวนธุรกรรมลดลง 31% มาอยู่ที่ 7.3 ล้านครั้ง แต่ค่าเฉลี่ยมูลค่าการขายต่อรายการกลับเพิ่มขึ้น 27% จาก 39.93 ดอลลาร์เป็น 50.74 ดอลลาร์ และในเดือนกันยายน ค่าเฉลี่ยการขาย NFT ต่อรายการเพิ่มขึ้นเป็น 86.04 ดอลลาร์
โดย Solo Ceesay ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Calaxy ได้เปิดเผยว่าสาเหตุที่ทำให้ NFTs ได้รับความนิยมน้อยลงนั้น มาจากการที่เงินทุนของนักลงทุนได้ถูกย้ายไปยังเหรียญมีม ซึ่งเขาเชื่อว่าตลาดกำลังเปลี่ยนความสนใจจาก NFTs ไปสู่เหรียญมีม ซึ่งสอดคล้องกับ CryptoPunk ที่เคยเป็น NFT ที่มีราคาสูงที่สุดถูกโอนย้ายไปยัง Wallet อื่น ซึ่ง Ceesay เชื่อว่าเจ้าของเดิมของ NFT รายนี้ต้องการย้ายเงินทุนไปลงทุนในเหรียญมีมแทน
ที่มา: Cointelegraph