Wang Chao และคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ได้ค้นพบว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมชนิด D-Wave สามารถปรับแต่งให้ทำการเจาะข้อมูลที่เข้ารหัสด้วยรูปแบบ RSA ได้ ส่งผลให้ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เริ่มเป็นประเด็นที่ต้องรีบแก้ไขโดยทันที
ในเอกสารงานวิจัยดังกล่าวระบุว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการแยกตัวประกอบของจำนวนเต็ม RSA 22 บิต แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเครื่องควอนตัมในการแก้ปัญหาการเข้ารหัสโดยใช้ D-Wave Advantage ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์เป็นภัยคุกคามความมั่นคงต่อ อัลกอริทึมโครงสร้าง Substitution-Permutation Network (SPN) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยมันสามารถเจาะข้อมูลอ่อนไหวที่ถูกเข้ารหัสไว้ได้ทั่วโลก
ทั้งนี้ทีมวิจัยไม่ได้หยุดทดสอบกับเพียงแค่การเข้ารหัส RSA เท่านั้น แต่พวกเขายังพยายามที่จะโจมตีอัลกอริทึมประเภท AES อย่าง Present, Rectangle, และ Gift-64 block cipher ด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญจะคาดการณ์ว่า วันหนึ่งควอนตัมคอมพิวเตอร์จะนำมาสู่ภัยพิบัติทางไซเบอร์ แต่ดูเหมือนว่าเวลาที่เขาคาดไว้จะคาดเคลื่อนและมันอาจจะมาเร็วกว่าที่คิด ซึ่งถ้ามาตรการป้องกันยังไม่พร้อมก็อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง หากเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นหลุดออกไปสู่มือของผู้ไม่ประสงค์ดี
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเทคโนโลยีป้องกันคอมพิวเตอร์ควอนตัมกำลังถูกพัฒนาอยู่ต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันเหล่าบริษัทต่าง ๆ ที่ถือข้อมูลสำคัญควรเร่งพิจารณาหาทางเลือกใหม่ในการจัดเก็บข้อมูลก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีควอนตัมแพร่หลาย
ทางด้านคริปโตเองก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะถ้าหากเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถเจาะรหัสได้ หมายความว่าเทคโนโลยีการเข้ารหัสของคริปโตจะไม่มีความหมายอีกต่อไป และสินทรัพย์ของเราจะถูกปล้นได้เพียงชั่วพริบตา
สำหรับตัว Bitcoin จะใช้อัลกอริทึม SHA(Security Hash Algorithm)-256 ซึ่งเป็น Hash function ที่นิยมถูกเลือกมาใช้การเข้ารหัสของ protocol ต่างๆ รวมทั้ง การสร้าง Block ใหม่ของ Bitcoin โดยมันนั้นถือว่าเป็นการเข้ารหัสที่ปลอดภัยมาก ๆ ทำให้ในตอนนี้มันยังไม่สามารถถูกเจาะระบบได้ แต่เมื่อไรก็ตามที่กำแพงอันแสนแข็งแกร่งนั้นทลายลงมา ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดจบของคริปโตเคอร์เรนซีเลยก็ว่าได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้นมนุษย์เราอาจเปลี่ยนไปใช้เงินรูปแบบอื่นกันไปแล้ว
- ที่มา : csoonline
- ภาพ : Live Science