ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องจากการลดลงอย่างมากในช่วงเช้าวันอังคาร และเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน
ตามข้อมูลจาก CoinGecko แสดงให้เห็นว่า ราคา Bitcoin (BTC) ลดลง -3% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยซื้อขายที่ระดับ 91,300 ดอลลาร์ ในขณะที่ ราคา Ethereum (ETH) ลดลง -3.4% มาอยู่ที่ระดับ 3,170 ดอลลาร์ ส่วนราคา XRP ลดลง 2.2% ในขณะที่ Solana (SOL) ลดลง 6% มูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมลดลง 4.4% เหลือ 3.38 ล้านล้านดอลลาร์
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นักเทรด จำนวน 130,000 รายถูกชำระบัญชี โดยมีการชำระบัญชีมูลค่ารวมมากถึง 404 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ CoinGlass โดยคู่ BTC ถูกชำระบัญชี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 106 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ ETH มีมูลค่าความเสียหายที่ 84 ล้านดอลลาร์ ด้าน Altcoin มีการบันทึกการชำระบัญชีไว้ที่มูลค่า 58 ล้านดอลลาร์ โดยคำสั่งชำระบัญชีเดียวที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่าประมาณ 12 ล้านดอลลาร์ใน ETHUSDT และเกิดขึ้นบน Binance
นโยบายการเงิน
“Bitcoin อาจอยู่ในช่วงผันผวน กว้าง และมีกรอบจำกัด (สิ่งนี้จะเหมาะกับนักเทรดและทำให้ผู้ถือบางคนตั้งคำถามกับตลาดกระทิง)” Bill Barhydt ซีอีโอของ Abra กล่าว ซึ่งคาดว่า Quantitative Easing (QE) จะเริ่มต้นภายในเดือนมีนาคมเพื่อเป็นกลยุทธ์ในการลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของสหรัฐฯ
“ทันทีที่ Fed ส่งสัญญาณถึง QE สินทรัพย์เสี่ยงจะพุ่งขึ้น นี่น่าจะเป็นตัวกระตุ้นสำหรับฤดูกาล Altcoin” Barhydt กล่าวเสริม โดยตั้งข้อสังเกตว่าตลาดอาจเห็น Bitcoin ที่ 200,000 ดอลลาร์ Sui ที่ 20 ดอลลาร์ และ Solana ที่ 500 ดอลลาร์
การเทขายอย่างต่อเนื่องเน้นย้ำถึงความเปราะบางที่เพิ่มขึ้นของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจในวงกว้างและการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
รายงาน JOLTS
Alan Orwick ผู้ร่วมก่อตั้ง Quai Network บอกกับ The Defiant ว่าการลดลงนี้อาจมีสาเหตุมาจากข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงาน JOLTS ซึ่งเผยให้เห็นตำแหน่งงานว่างที่สูงกว่าที่คาดไว้ ข้อมูลนี้ได้กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับการเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเพิ่มความผันผวนของตลาด
“ข้อมูลที่ออกมาจากสหรัฐฯ บ่งบอกถึงตลาดงานที่แข็งแกร่ง ลดความเป็นไปได้ของการลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้โดย Fed ซึ่งจะลดความคาดหวังสำหรับสภาพคล่องซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคริปโต” Orwick กล่าว
เขาเสริมว่าในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ลดลงในสัปดาห์นี้ BTC และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ก็ประสบกับการลดลงเช่นกัน โดยตั้งข้อสังเกตว่าตลาดคริปโตและตลาดทุนแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก
แนวโน้มนี้ได้รับการเน้นย้ำเพิ่มเติมโดยกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) แบบ Spot ของ BTC ซึ่งบันทึกการถอนออกที่ใหญ่ที่สุด ประมาณ 583 ล้านดอลลาร์ ในวันที่ 8 มกราคม ซึ่งเป็นการไหลออกที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ตามข้อมูลของ SoSoValue
DOJ ได้รับอนุญาตให้ขายคริปโต
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากข่าวที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้รับอนุญาตให้ขาย Bitcoin มูลค่าประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์ Bitcoin จำนวน 69,000 BTC เหล่านี้ถูกยึดจากตลาดมืด Silk Road
ตามรายงานของ DbNewswire DOJ อ้างถึงความผันผวนสูงของ Bitcoin เป็นเหตุผลสำคัญสำหรับการตัดสินใจขายคริปโตเคอร์เรนซี
ที่มา: thedifiant