<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Pi Network คือเหรียญอะไร? : นวัตกรรมคริปโตหรือแชร์ลูกโซ่เวอร์ชั่นใหม่ 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Pi Network คือ โปรเจกต์สกุลเงินดิจิทัลที่อ้างว่าอนุญาตให้ผู้ใช้ “ ขุด” Pi Coins ผ่านแอปมือถือ อย่างไรก็ตาม ยังมีการถกเถียงกันว่า Pi Network เป็นโปรเจกต์หลอกลวงหรือไม่ นี่คือการวิเคราะห์โดยละเอียด 

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว Nicolas Kokkalis นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ทดลองเปิดตัวแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ทุกคนสามารถ “ขุดเหรียญ” ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงวันละครั้ง โดยไม่ต้องใช้เครื่องขุด ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน และแทบไม่มีค่าใช้จ่าย 

จนถึงปัจจุบัน Pi Network ได้ประกาศว่า โปรเจกต์กำลังจะเปิดตัวเครือข่ายหลัก (Open Network)  อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งหมายความว่า เหรียญ Pi จะสามารถใช้งานนอกระบบของตัวเองได้เป็นครั้งแรก

มุมมองเชิงบวก 3 เหตุผลที่ทำให้ Pi อาจเป็นจุดเปลี่ยนโลกบล็อกเชน

1.มีฐานผู้ใช้งานมหาศาล “ระเบิดพลังชุมชน” ที่เหนือกว่าบล็อกเชนเดิม

Pi Network มีจำนวนผู้ใช้งานลงทะเบียนแล้วกว่า 50 ล้านบัญชี สูงกว่าผู้ใช้งาน Ethereum ที่มีอยู่ประมาณ 5 ล้านบัญชีที่ยังแอคทีฟจาก 120 ล้านบัญชี

ในขณะที่ Pi Network มีผู้ผ่านการยืนยันตัวตน KYC กว่า 18 ล้านบัญชี โดยกว่า 8 ล้านบัญชีได้ถูกโอนเข้าสู่เครือข่ายหลักแล้ว และคาดว่าจะทะลุเป้าหมายที่  10 ล้านบัญชีก่อนวันที่ 20 กุมภาพันธ์

มีผู้ใช้งานในเอเชียจำนวนมาก โดยเฉพาะในเกาหลีใต้, เวียดนาม และฟิลิปปินส์

หากแม้มีเพียง 1% ของผู้ใช้ทั้งหมด เข้ามาพัฒนา DApp (Decentralized Application) ก็จะมีมากถึง 50,000 แอป ซึ่งปัจจุบันเครือข่ายของ Ethereum มีเพียง 80 แอปเท่านั้น

2.เทคโนโลยีที่เข้าถึงง่าย บล็อกเชนที่ใครก็ใช้งานได้

Pi Network ใช้ระบบ Stellar Consensus Protocol (SCP) ที่ไม่ต้องใช้พลังงานสูงแบบ Bitcoin

มีระบบบทบาทชั้นต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ตั้งแต่ “Pioneer” (กดขุดเหรียญรายวัน) ไปจนถึง “Node” (รันเครือข่ายเต็มรูปแบบ)

ข้อดี คือทำให้บล็อกเชนไม่จำเป็นต้องมีแต่คนที่เข้าใจเทคโนโลยีเท่านั้น แม้แต่แม่บ้าน นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ก็สามารถเข้าร่วมได้

3. กรณีการใช้งานจริง จากร้านชานมสู่ระบบการเงินข้ามพรมแดน

ในไต้หวัน มีร้านค้ากว่า 200 แห่งที่รับชำระเงินด้วยเหรียญ Pi นอกจากนี้ แรงงานฟิลิปปินส์ ใช้ Pi เพื่อโอนเงินกลับบ้านโดยมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าธนาคารถึง 10 เท่า

Pi Network ยังมีแอปพลิเคชันในเครือข่ายกว่า 80 แอป เช่น Pi Health ที่ใช้ข้อมูลผู้ใช้งานในการฝึก AI สำหรับการวินิจฉัยโรค

หากเครือข่ายเปิดตัวได้อย่างราบรื่น Pi อาจกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

ข้อกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือและฟองสบู่ 

1. ประวัติการเลื่อนเปิดตัวที่ล่าช้ามานานถึง 6 ปี

Pi Network เปิดตัวครั้งแรกปี 2019 แต่ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเครือข่ายหลัก (Mainnet) ถูกเลื่อนมาตลอด โดยอ้างว่า เพื่อรอให้ผู้ใช้ผ่าน KYC ให้ครบ ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ทีมงานจงใจควบคุมอุปทานของเหรียญเพื่อสร้างความขาดแคลนหรือไม่ 

2.การประเมินมูลค่าที่ไม่สมเหตุสมผล กับดักอุปทาน  100,000 ล้านเหรียญ

หากเหรียญ Pi มีมูลค่า 1 ดอลลาร์ต่อเหรียญ จะเท่ากับมีมูลค่ารวม (Fully Diluted Valuation)  100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าหนึ่งในสามของมูลค่าตลาดของ Ethereum ปัจจุบัน  (315,000 ล้านดอลลาร์) 

ปัญหาใหญ่คือ ปัจจุบันมีเหรียญที่ถูกโอนไปยังเครือข่ายหลัก เพียง 2 พันล้านเหรียญ จากทั้งหมด 100,000 ล้านเหรียญ ซึ่งหากทีมงาน ปล่อยเหรียญเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อาจทำให้เกิดแรงขายมหาศาลและราคาร่วงลงในทันที

แอปพลิเคชันยังมีไม่พอ เนื่องจาก DApp ที่มีอยู่กว่า 80 ตัว ส่วนใหญ่เป็นแค่เครื่องมือพื้นฐาน ไม่มีกรณีใช้งานที่สร้างมูลค่า อย่าง DeFi หรือ NFT ทำให้ ระบบนิเวศขาดความสามารถในการสร้างรายได้เอง และอาจเติบโตได้ยากในระยะยาว 

3.ความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อมูลส่วนบุคคล

Pi Network มีการเก็บข้อมูล KYC ละเอียดอ่อนเกินไป ทั้งบัตรประชาชน, การสแกนใบหน้า และที่อยู่ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล

Pi Network อาจโดนหน่วยงานกำกับดูแลเล่นงาน หากถูกมองว่า เป็นหลักทรัพย์ (คล้ายกับกรณี SEC กับ XRP)

Pi Coin ได้รับคะแนนโหวต 88% จากชุมชนบน Binance มีลุ้นถูกลิสต์หรือไม่ ?

Pi Network กำลังได้รับแรงสนับสนุนมหาศาลจากชุมชนคริปโต ปัจจุบันมีฐานผู้ติดตามมากถึง 3.7 ล้านคน กลายเป็นเหรียญที่มีจำนวนผู้สนับสนุนมากเป็นอันดับ 5 ของโลก ล่าสุด Binance ได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการถามชุมชนว่า “Pi ควรถูกลิสต์บน Binance หรือไม่?”

ช่วงเวลาการโหวตอยู่ระหว่างวันที่ 17 – 27 กุมภาพันธ์ 2025 โดย ผู้โหวตจะต้องทำการโหวตผ่าน โพสต์อย่างเป็นทางการของ Binance Square เท่านั้น

Binance ยืนยันว่าจะติดตามผลโหวตทุกวัน และ นับเฉพาะโหวตที่ถูกต้องเท่านั้น โดยตลอดระยะเวลาการโหวต หากพบว่ามีการโกงหรือละเมิดกฎ คะแนนโหวตจะถูกลบออกก่อนประกาศผลทันที

เพียงไม่กี่วันหลังจากเปิดโหวต Pi Network ก็ได้รับแรงสนับสนุนมหาศาล โดยขณะนี้ 88% ของผู้โหวตสนับสนุนให้ Binance ลิสต์ Pi Coin ขณะที่มีเพียง 12% เท่านั้นที่คัดค้าน

ยอดผู้ลงคะแนนพุ่งทะลุ 2 ล้านเสียง และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงเส้นตายการโหวต

อย่างไรก็ตามแม้ว่าชุมชนจะสนับสนุนอย่างล้นหลาม แต่ Binance ก็ ย้ำชัดว่าการโหวตของชุมชนไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าเหรียญจะถูกลิสต์แน่นอน 100 เปอร์เซ็น เพราะสุดท้ายแล้ว Binance ยังคงต้องใช้กระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

Binance ยืนยันว่าโปรเจกต์เหรียญ Pi Coin ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะถูกลิสต์ก็ต่อเมื่อ ผ่านมาตรฐานของแพลตฟอร์ม ดังนั้นแฟนๆ ของ Pi Network คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า Binance จะเปิดประตูให้ Pi Coin ลิสต์เข้าสู่แพลตฟอร์มหรือไม่

4 เรื่องที่ต้องจับตา เมื่อเครือข่ายใหม่เปิดตัว

1.ปริมาณการซื้อขายบนกระดานเทรด

ถ้า Binance หรือ HTX เปิดให้เทรด ต้องดูเลยว่าคนจะแห่ซื้อ หรือแห่เทขาย ถ้าโดนเทขายหนัก ราคาก็ดิ่งได้ง่ายๆ แล้วราคาจะไปจบที่เท่าไหร่? จะใกล้ 1 ดอลลาร์ตามตลาด P2P ไต้หวัน หรือพุ่งไป $48.3 ตาม IOU futures คาดการณ์

2.เครือข่ายกระจายอำนาจแค่ไหน?

แม้จะบอกว่าเป็นบล็อกเชนเพื่อผู้คน แต่ถ้า Node 10 อันดับแรกคุมพลังประมวลผลไปเกิน 50% อันนี้ก็ต้องคิดหนัก เพราะมันอาจไม่กระจายอำนาจจริงๆ แค่เปลี่ยนเจ้าของจากระบบเดิมมาเป็นกลุ่มใหม่ที่ถือเยอะกว่าเดิมก็เป็นได้

3.การพัฒนาแอปพลิเคชัน

ถ้าใน 3 เดือนแรกมีแอปแบบกระจายศูนย์ (DApps) โผล่มา 500 แอป หรือมีแอปที่มีผู้ใช้เป็นล้าน อันนี้เป็นสัญญาณดี แปลว่ามีคนสนใจพัฒนา ไม่ใช่แค่เหรียญเปล่าๆ ที่รอให้คนมาเก็งกำไรแล้วก็ทิ้งไป

4.โมเดลเศรษฐกิจของเหรียญ

อุปทานเหรียญเยอะเกินไป ก็อาจเจอปัญหาเงินเฟ้อแบบ Helium ที่ราคาดิ่งจนไม่มีใครอยากถือ แต่ถ้ามีระบบเผาเหรียญแบบ Ethereum อันนี้ช่วยให้มูลค่ามั่นคงขึ้น คนถือเหรียญก็อุ่นใจได้ว่ามันจะไม่โดนลดค่าจนหมดความหมาย

สรุป 

แก่นแท้ของ Pi Network คือ ที่ดึงดูดคนจำนวนมากให้เข้ามามีส่วนร่วมแบบง่ายๆ สร้างแรงจูงใจด้วยแนวคิด “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” และเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศบล็อกเชนโดยไม่ต้องมีความรู้เทคนิคสูง จุดจบของ Pi ไม่ได้อยู่ที่ราคาของเหรียญ แต่อยู่ที่คำถามใหญ่สองข้อ—บล็อกเชนต้องซับซ้อนขนาดไหน? และมูลค่าของสินทรัพย์ต้องมาจากความหายากเสมอไปหรือไม่? ถ้า Pi สามารถสร้างระบบที่คนใช้งานจริงได้โดยไม่ต้องซับซ้อน อาจเป็นสัญญาณว่า Web3 กำลังจะไปไกลกว่าที่คิด และถ้าเหรียญที่ขุดฟรีสามารถได้รับการยอมรับ แนวคิด “ทองคำดิจิทัล” ของ Bitcoin อาจสั่นคลอน

การเปิดตัว Open Network ของ Pi Network ในปี 2025 เป็นเหตุการณ์ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความเสี่ยง ผู้ใช้มหาศาลอาจช่วยผลักดันให้มันกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมในวงการคริปโต แต่ในทางกลับกัน การเลื่อนเปิดตัวมานานกว่า 6 ปี กับความไม่แน่นอนของมูลค่าเหรียญ ก็อาจทำให้โปรเจกต์นี้เป็นฟองสบู่ที่แตกได้ทุกเมื่อ ระยะสั้น ราคาน่าจะเหวี่ยงหนักเพราะเริ่มมีสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด ส่วนระยะยาว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า Pi จะพัฒนาไปเป็น “เครื่องมือสร้างมูลค่า” หรือแค่เป็น “เครือข่ายลูกโซ่” ที่รอวันแตก

ทางรอดของ Pi Network ขึ้นอยู่กับทีมพัฒนา ถ้าพวกเขาโฟกัสที่ระบบนิเวศ สร้างการใช้งานจริง แทนที่จะเน้นแต่การขายฝัน Pi อาจกลายเป็น “สกุลเงินของประชาชน” แต่ถ้าเลือกเดินซ้ำรอย Ponzi Scheme สุดท้ายแล้วการทดลองครั้งนี้อาจจบลงด้วยการเป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ คริปโต

ที่มา : binancesquare