Eric Connor อดีตนักพัฒนาหลักของ Ethereum ได้ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า Ethereum อาจมีโอกาสมหาศาลที่จะกลายเป็นพันธมิตรแบบกระจายศูนย์ในการแก้ไขปัญหาที่แพลตฟอร์ม AI ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
เขาชี้ว่า แม้ AI จะเติบโตอย่างรวดเร็วและเริ่มเปลี่ยนแปลงแทบทุกมิติของชีวิตมนุษย์ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยปัญหา เช่น ความไม่โปร่งใสของโมเดล, การผูกขาดข้อมูลโดยศูนย์กลาง และความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เปิดโอกาสให้ Ethereum เข้ามามีบทบาทสำคัญได้
Ethereum มอบความโปร่งใสผ่าน smart contract ที่ตรวจสอบได้, โครงสร้างแบบกระจายศูนย์ที่ท้าทายการผูกขาดของ Big Tech, กลไกจูงใจผ่านระบบโทเคน และระบบไมโครเพย์เมนต์ที่ฝังอยู่ในระบบ ซึ่งสามารถใช้แก้ปัญหา “กล่องดำ” ของ AI ได้ด้วยการเปิดเผยข้อมูลการฝึกโมเดลและแหล่งที่มาของข้อมูล
นอกจากนี้ บริษัท AI รายใหญ่มีแนวโน้มจะต่อต้านโมเดลเปิด เพราะพวกเขาทำกำไรจากความลับและการควบคุม โดย Connor เสริมว่าความต้องการความโปร่งใส ความยุติธรรม และความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ Ethereum จะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้
“Ethereum มีรากฐานอยู่บนแนวคิดของความเปิดกว้าง ความร่วมมือ และการลดความจำเป็นในการไว้ใจบุคคล ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ AI ที่มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต้องการ”
เขายังกล่าวปิดท้ายว่า หาก Ethereum ลงมือสร้างเครื่องมือ งานวิจัย และกรณีใช้งานจริงเกี่ยวกับ AI อย่างจริงจัง ก็จะทำให้นักพัฒนา AI หันมาใช้แนวทางแบบกระจายศูนย์มากขึ้น และอาจทำให้ Ethereum ถูกใช้งานในระดับแมสยิ่งกว่าด้านการเงิน
ในขณะเดียวกัน Zain Jaffer ผู้ร่วมก่อตั้ง Vungle ก็เคยกล่าวกับ Cointelegraph ว่าด่านถัดไปของวงการคริปโต คือการทำให้ AI กลายเป็นเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์
Connor ลาออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน Ethereum ไปเมื่อต้นปี เนื่องจากปัญหาด้านผู้นำ และหันไปโฟกัสกับงานด้าน AI แทน โดยเขาเชื่อว่า Ethereum ยังจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “agentic AI” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ให้ AI ทำงานและตัดสินใจเองได้แบบอัตโนมัติ
AI agent เหล่านี้สามารถใช้ข้อมูลบน Ethereum blockchain ได้แบบเรียลไทม์ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง และโต้ตอบกับ smart contract ได้โดยตรง ซึ่งในบล็อกโพสต์ Ethereum ล่าสุดได้ยกตัวอย่างโปรเจกต์ที่โดดเด่น เช่น Luna อินฟลูเอนเซอร์เสมือนที่ควบคุมกระเป๋าเงินของตัวเองได้, AIXBT ที่วิเคราะห์ตลาดคริปโต และ Botto ศิลปินแบบ DAO ที่สร้าง NFT จากการโหวตของชุมชน
ที่มา: Cointelegraph