ตามข้อมูลจาก BlackRock ที่ถูกแชร์โดย Sam Callahan นักวิเคราะห์ Bitcoin และที่ปรึกษาของ Marathon Digital เปิดเผยว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในช่วง 60 วัน หลังจากเกิดวิกฤตระดับโลก นับตั้งแต่ปี 2020
ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว Bitcoin สามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 37% ในช่วง 2 เดือน ขณะที่ดัชนีหุ้น S&P 500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยแค่ 3.5% และทองคำให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 6.2%
ยกตัวอย่างเช่น หลังจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ–อิหร่าน เมื่อเดือนมกราคม 2020 ราคา Bitcoin พุ่งขึ้น 20% ภายใน 2 เดือน ขณะที่หุ้นร่วงลดลง 7% และทองคำราคาเพิ่มขึ้น 6%
ส่วนในช่วงโควิดเริ่มระบาดหนัก เมื่อเดือนมีนาคมปีเดียวกัน ราคา Bitcoin เด้งกลับขึ้นมา 21% ภายในสองเดือน แม้ราคาจะร่วงแรงถึง 25% ในช่วง 10 วันแรก ขณะที่ S&P 500 และทองคำราคาขยับขึ้นเพียง 2% และ 3% ตามลำดับ
อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2020 หลังจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ราคา Bitcoin พุ่งทะยานขึ้นถึง 131% ในเวลาเพียงแค่ 60 วัน เมื่อเทียบกับหุ้นที่ราคาพุ่งขึ้น 12% และทองคำที่ราคากลับลดลงเล็กน้อย 1%
นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่รัสเซียรุกรานยูเครน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ราคา Bitcoin ก็ยังฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยกลับมาเพิ่มขึ้นถึง 15% ภายในสองเดือน แม้ราคาจะดิ่งลง 6% ในช่วง 10 วันแรก ส่วนราคาทองคำก็ทำกำไรเพิ่มขึ้น 9% ขณะที่ หุ้น S&P 500 ขยับขึ้น 3%
อีกกรณีคือ ช่วงวิกฤตธนาคารท้องถิ่นในสหรัฐฯ เมื่อเดือนมีนาคม 2023 ราคา Bitcoin ก็พุ่ง 32% ภายในสองเดือน ส่วนราคาทองคำเพิ่มขึ้น 11% และหุ้นขึ้นเพียง 4%
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์ที่ Bitcoin จะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง อย่างในกรณีวิกฤต Yen carry trade ของญี่ปุ่น เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ราคา Bitcoin แทบจะไม่ไปไหนเลย ขยับขึ้นแค่ 3% ในสองเดือน ขณะที่ราคาทองคำขึ้น 9% และหุ้นเพิ่มขึ้น 7%
ซึ่งตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงเฝ้าจับตา ในรอบ 60 วันอีกครั้ง หลังจากสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าในวัน “Liberation Day” เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา โดยผ่านไปแล้วครึ่งเดือน ราคา Bitcoin ยังไม่แสดงความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน แต่ยังคงแกว่งตัวทรง ๆ อยู่ในกรอบแคบ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงไปแล้วกว่า 5.72% ส่วนทองคำกลับสวนทาง พุ่งขึ้นมา 6.8%
หากมองภาพรวม จะเห็นว่า Bitcoin มักจะฟื้นตัวแรงกว่าสินทรัพย์อื่นในช่วงสองเดือน หลังเกิดความวุ่นวายในระดับโลก และมักจะทำผลงานแซงทั้งทองคำและหุ้น ยกเว้นบางเหตุการณ์เท่านั้น ซึ่งยิ่งทำให้ภาพของ Bitcoin ในฐานะ สินทรัพย์เสี่ยง แต่ฟื้นตัวไว ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มา : cryptoslate