Seamus Rocca ผู้บริหารสูงสุดของ Xapo Bank จากยิบรอลตาร์ มองว่าการกู้ยืมเงินด้วยการใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันนั้นคือ “ก้าวถัดไปที่ชัดเจน” ของโลกคริปโต โดยเฉพาะในช่วงที่นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจในราคาของ Bitcoin มากขึ้น และตลาดเริ่มเข้าสู่ระยะการถือครองระยะยาวแทนการเก็งกำไรระยะสั้น
Rocca ได้เปิดเผยในงาน Token2049 ที่ดูไบว่า แม้ความคิดนี้จะดูเป็นไปไม่ได้เมื่อ 3 หรือ 4 ปีก่อน แต่ปัจจุบันราคาของ Bitcoin ได้ขึ้นไปอยู่ที่ 95,000 ดอลลาร์ และมีการยอมรับจากสถาบันเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนเริ่มกล้าใช้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน เพราะมีความมั่นใจว่าโอกาสที่จะถูกบังคับขาย (liquidate) ต่ำมาก
โดยเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา Xapo Bank ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถกู้เงินดอลลาร์โดยใช้ Bitcoin เป็นหลักประกัน วงเงินกู้สูงสุดอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์ โดยไม่จำเป็นต้องขายเหรียญที่ถือไว้
Rocca เผยว่าผลิตภัณฑ์นี้ได้รับความสนใจอย่างมากเพราะแนวโน้มการยอมรับ Bitcoin จากสถาบันที่เพิ่มขึ้น และวิธีคิดแบบระยะยาวของนักลงทุน
“ความคาดหวังในตอนนี้อยู่ที่การเข้าสู่ตลาดของสถาบัน, Bitcoin ETF และการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น” Rocca กล่าว พร้อมเสริมว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นักลงทุนเริ่มเปิดใจใช้ Bitcoin เพื่อกู้เงินแทนที่จะขายทิ้งในยามจำเป็น
โดย Xapo Bank เสนออัตราส่วน Loan-to-Value (LTV) ที่ยืดหยุ่นตั้งแต่ 20%, 30% ไปจนถึง 40% ซึ่งให้ความเสี่ยงต่ำกว่าและเหมาะสำหรับผู้ถือเหรียญระยะยาว เช่น หากใครมี 100 BTC และกู้ด้วย LTV ที่ 20% ก็สามารถกู้ได้หลายล้านดอลลาร์โดยไม่ต้องขายเหรียญเลย และจะถูกบังคับขายก็ต่อเมื่อราคา Bitcoin ลดลงต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์
“ถ้าคุณเชื่อในปรัชญาการลงทุน การขาย Bitcoin ภายใน 3 วัน แม้ราคาจะขึ้นถึง 100,000 ดอลลาร์คงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก […] แต่บางครั้งชีวิตก็ไม่เป็นใจ เช่น ค่าใช้จ่ายไม่คาดคิดหรือซ่อมรถยนต์ ทำให้ผู้ถือครอง Bitcoin ต้องตัดสินใจขายในจังหวะไม่ดี แต่ด้วยการกู้ยืมนี้ พวกเขาจะยังคงมีโอกาสได้กำไรจากการถือเหรียญ และยังมีเงินจ่ายรายจ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน” -Rocca กล่าว
Rocca เชื่อว่าการเติบโตของตลาด Bitcoin และความมั่นคงที่มากขึ้น จะนำไปสู่ยุคใหม่ที่ผู้ถือเหรียญจะเลือกใช้ Bitcoin เพื่อสร้างสภาพคล่องโดยไม่ต้องขายทิ้งอีกต่อไป เป็นการเปลี่ยนผ่านจากวัฒนธรรม “Hodl” ไปสู่การใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ได้มากยิ่งขึ้น
ที่มา: Cointelegraph