BlackRock บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ได้เปิดเผยในเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลเมื่อไม่นานมานี้ว่า เทคโนโลยีเกิดใหม่อย่างคอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum Computing) อาจกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญที่ทำให้เทคโนโลยีการเข้ารหัส ซึ่งใช้ปกป้องเครือข่ายบิตคอยน์และบล็อกเชนอื่น ๆ หมดประสิทธิภาพลงในอนาคต
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา BlackRock ได้อัปเดตเอกสารลงทะเบียนของกองทุน iShares Bitcoin ETF (IBIT) พร้อมเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมต่อความปลอดภัยของเครือข่ายบิตคอยน์ โดยระบุว่า:
“หากเทคโนโลยีควอนตัมพัฒนาไปมากพอ อาจส่งผลกระทบต่ออัลกอริธึมการเข้ารหัสที่ใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงที่ใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์”
นี่เป็นครั้งแรกที่ BlackRock กล่าวถึงความเสี่ยงจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมอย่างชัดเจนในเอกสารของกองทุน IBIT ซึ่งปัจจุบันเป็นกองทุน Bitcoin ETF แบบ Spot ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสินทรัพย์สุทธิราว 64,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ James Seyffart นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ได้ออกมาชี้แจงผ่าน X ให้นักลงทุนโล่งใจในวันเดียวกันว่า “การเปิดเผยความเสี่ยงในเอกสารของ IBIT ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะกฎระเบียบกำหนดให้กองทุนต้องระบุความเสี่ยงทุกรูปแบบ แม้จะเกิดขึ้นได้น้อยมากก็ตาม”
ขณะเดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ก็เคยแสดงความเห็นคล้ายกันว่า หากเทคโนโลยีควอนตัมพัฒนาไกลมากพอ ก็อาจทำให้แฮกเกอร์สามารถปลดล็อกกระเป๋า Bitcoin ที่ไม่มีเจ้าของหรือหายไปนานได้
“บิตคอยน์ที่เคยหายไป รวมถึงของ Satoshi (ถ้าเจ้าตัวไม่อยู่แล้ว) อาจถูกแฮกและกลับมาหมุนเวียนในระบบอีกครั้ง” เขาระบุผ่านโพสต์บน X เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์
ที่มา: cointelegraph