- บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน
Solaxy (SOLX) โซลูชั่น Layer-2 ตัวแรกของ Solana กวาดยอดระดมทุนได้ 42 ล้านดอลลาร์แล้ว ขณะที่ Max Rebol CEO ของ Harbour Industrial Capital ชี้ว่า กลยุทธ์โซลูชั่น Layer-2 ของ Ethereum อาจทำให้เครือข่ายไม่ยั่งยืน เพราะการพึ่งพา Layer-2 ภายนอกจะทำให้ระบบนิเวศน์มีการแยกตัวมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน Solana กำลังเตรียมเปิดตัว Solaxy (SOLX) โซลูชั่น Layer-2 ตัวแรกของตัวเอง เพื่อเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายในแนวทางที่แตกต่างออกไป
โดยโซลูชั่น Layer-2 ของ Ethereum มุ่งเน้นแก้ปัญหาการขยายเครือข่าย แต่ Solaxy ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหานั้น เพราะ Solana สามารถประมวลผลธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาทีอยู่แล้ว
Solaxy ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ, ความยืดหยุ่นและเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตของนวัตกรรมและการใช้งานในอนาคต
ตอนนี้การกลัวตกรถ (FOMO) กำลังเกิดขึ้นในตลาดวงกว้าง โดย Solaxy ระดมทุนได้แล้ว 42 ล้านดอลลาร์ในช่วง presale เหลือเวลาอีก 18 วันสำหรับผู้ลงทุนที่จะเข้าร่วม ก่อนที่ SOLX จะยกระดับตัวเองเข้าสู่เว็บเทรด
โดยราคาของมันอยู่ที่ $0.001738 ชณะที่เขียน
ต้นทุนที่ถูกมองข้ามจากการพึ่งโซลูชั่น Layer-2 ของ Ethereum
ปัจจุบัน Ethereum ต้องอาศัยโซลูชัน Layer-2 อย่างมาก เพื่อรับมือกับค่าธรรมเนียมที่สูงและความล่าช้าในการทำธุรกรรม ซึ่งแม้แต่ผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Vitalik Buterin ก็ยอมรับว่ามันคือแนวทางจำเป็น
อย่างไรก็ตาม แนวทางการขยายเครือข่ายแบบแยกส่วนนี้เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้นว่า อาจไม่ใช่เส้นทางที่ยั่งยืนในระยะยาว และอาจสร้างความซับซ้อนมากกว่าการแก้ปัญหาระยะยาว
Max Rebol หนึ่งในนักวิจารณ์คนสำคัญชี้ว่าโซลูชั่น Layer-2 ใน Ethereum ไม่ได้ช่วยให้เครือข่ายแข็งแกร่งขึ้น แต่กลับทำให้ระบบนิเวศร์แตกแยกออกเป็นหลายเครือข่ายย่อย โดยแต่ละ rollup มีระบบ bridge, โครงสร้างและข้อจำกัดเฉพาะของตัวเอง ซึ่งสร้างความยุ่งยากให้ทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้มากกว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ
เขายังระบุว่าโซลูชั่น Layer-2 ส่วนใหญ่แทบไม่ได้ส่งคุณค่ากลับสู่ Ethereum เลย แต่กลับอาศัยความปลอดภัยของเครือข่ายหลักโดยไม่ตอบแทนใด ๆ จนเขาเรียกว่าเป็น “ผู้โดยสารฟรี” (free riders)
แม้ว่ามูลค่ารวมที่ถูกล็อกไว้ (TVL) บนโซลูชั่น Layer-2 ของ Ethereum มากกว่า 39,000 ล้านดอลลาร์ แต่ rollup เหล่านี้ก็ยังเผชิญกับปัญหาเรื่องประสบการณ์ใช้งานที่ไม่สม่ำเสมอ, ระบบการกำกับดูแลที่ไม่ชัดเจนและการพึ่งพา sequencer แบบรวมศูนย์อยู่ดี
ยอด TVL รวมของ Layer-2 บน Ethereum
การทำงานร่วมกันระหว่าง Layer-2 ยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ ขณะที่การเชื่อมต่อและโอนสินทรัพย์ระหว่างเครือข่ายยังคงซับซ้อนและเสี่ยงสูง
สิ่งที่ควรจะเป็นทางแก้ปัญหา กลับกลายเป็นความกระจัดกระจายที่ถูกนำเสนอในรูปแบบของนวัตกรรม
การขยายเครือข่ายโดยไม่แตกแยกคือวิสัยทัศน์ของ Solaxy
Solaxy เข้ามาไม่ใช่เพื่อซ่อมแซม Solana แต่เพื่อยกระดับเครือข่ายให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น แทนที่จะปกปิดข้อบกพร่อง Solaxy เสริมศักยภาพให้ Solana ด้วยการอัพเกรดแบบโมดูลาร์ โดยยังคงความเชื่อมโยงและความสามารถในการทำงานร่วมกันของระบบอย่างครบถ้วน
ในฐานะโซลูชั่น Layer-2 Solaxy ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับขีดความสามารถของ Solana ด้วยการใช้เทคโนโลยี roll-up bundling และการประมวลผลนอกเครือข่ายขั้นสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรม, ลดต้นทุนและรองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมากได้อย่างราบรื่น เหมาะสำหรับ dApp ที่ต้องการความเร็วสูง เช่น เกม, เหรียญมีม และแอพการเงินแบบเรียลไทม์ โดยไม่กระทบต่อความเร็วและโครงสร้างหลักที่เป็นจุดเด่นของ Solana
ด้วยโครงสร้างดังกล่าว นักพัฒนาสามารถเลือกต่อยอดด้วยส่วนประกอบเฉพาะทางได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่ต้องแลกกับประสิทธิภาพที่จะดร็อปลง และต่างจาก rollup ของ Ethereum ที่แยกตัวออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน Solaxy ยังคงความเชื่อมโยงของระบบไว้อย่างเต็มที่
สิ่งนี้เห็นได้ชัดจาก bridge ที่เชื่อมบน testnet ที่ใช้งานได้แล้ว ซึ่งสร้างขึ้นด้วย Hyperlane และเชื่อมต่อกับ Solana Devnet โดยสามารถโอนเหรียญ SOL แบบ native ได้แล้ว
และเมื่อ bridge mainnet เปิดตัว ก็จะสามารถเชื่อมต่อกับ Ethereum ได้อย่างราบรื่น รองรับการใช้งานข้ามเครือข่ายอย่างเต็มรูปแบบ
ในขณะเดียวกันโซลูชั่น Layer-2 ของ Ethereum ทำให้การใช้งานกระจัดกระจาย Solaxy กลับมุ่งสร้างความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งไม่ใช่เพียงภายในระบบนิเวศน์ของ Solana เท่านั้น แต่รวมถึงการเชื่อมโยงกับโลกบล็อกเชนในวงกว้างด้วย
DEX และ Igniter ของ Solaxy กำลังสร้างระบบที่ครบวงจรและเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์
Solaxy DEX อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของ Solaxy กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้
Solaxy DEX จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายสำหรับโทเค็นที่สร้างขึ้นผ่าน Igniter แพลตฟอร์มเปิดตัวโทเค็นบน rollup ของ Solaxy ที่ไม่ต้องเขียนโค้ด ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม
Igniter ช่วยให้ใครก็สามารถสร้างโทเค็นได้ในเวลาไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย ตั้งแต่โทเค็นมีม,เกม ตลอดไปจนถึงยูทิลิตี้ทางการเงิน โปรเจกต์ต่าง ๆ เริ่มต้นที่นี่ เมื่อโทเค็นผ่าน bonding curve แล้ว ก็จะถูกส่งเข้าไปยัง DEX ทันที ทำให้มีสภาพคล่องพร้อมใช้
ระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อนี้ ตั้งแต่การสร้างจนถึงการแลกเปลี่ยน ทำให้ Solaxy จึงไม่ใช่แค่ตลาดกระจายศุนย์ทั่วไป (DEX) แต่มันจะเป็นระบบหมุนเวียนหลักของระบบนิเวศ ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของทุกโปรเจกต์บน Solaxy
อนาคตของ Solana กำลังถูกสร้างขึ้นผ่าน Solaxy ในเวลานี้
ในขณะที่โซลูชั่น Layer-2 ของ Ethereum เผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด Solaxy กลับเลือกเส้นทางที่เน้นการเชื่อมต่อและผสานเข้าไว้ด้วยกัน
ด้วยระบบนิเวศที่ครบครันซึ่งกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้ง bridge ที่เชื่อมบน testnet แพลตฟอร์มเปิดตัวโทเค็น Igniter และ DEX ที่จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้
Solaxy จึงกลายเป็นเครื่องยนต์โมดูลาร์สำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตครั้งใหญ่ของ Solana
ทว่าโอกาสเข้าร่วมกำลังก็มีเวลาที่จำกัดสำหรับช่วง Presale นั่นจึงมีช่องทางเว็บไซต์ Solaxy ให้ได้เข้าไปดูรายละเอียดอย่างแน่ชัด
โทเค็น SOLX ที่นักลงทุนซื้อสามารถนำไป stake ได้ทันที พร้อมรับผลตอบแทนแบบไดนามิกสูงสุดถึง 96% ต่อปี โดยอัตราผลตอบแทนจะปรับตามจำนวนผู้เข้าร่วมใน pool แบบเรียลไทม์
Best Wallet คือ wallet แบบ self-custody อย่างเป็นทางการของ Solaxy รองรับการใช้งานแบบ multi-chain ดูแลการถือครองโทเค็น SOLX ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และพร้อมรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระบบนิเวศของ Solaxy สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งบน Google Play และ Apple App Store

