Michael Saylor ทำให้โลกคริปโตต้องตั้งคำถามกันสนั่นโซเชียลอีกครั้ง! หลังจากรอบนี้เขามาพร้อมข้อเสนอการออกหุ้นบุริมสิทธิใหม่ STRD หรือ Stride Preferred Stock ที่อ้างว่าให้ผลตอบแทนปีละ 10% แบบไม่มีวันหมดอายุ
บริษัท Strategy หรือชื่อเดิมที่เรารู้จักกันในนาม MicroStrategy กำลังเดินเกมใหญ่รอบใหม่ โดยประกาศว่า จะระดมทุนเพิ่มอีก 250 ล้านดอลลาร์ผ่านการออกหุ้นบุริมสิทธิประเภทใหม่ เพื่อนำเงินไปซื้อ Bitcoin เพิ่มเติม
ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน Strategy เผยว่า กำลังเตรียมออกหุ้นบุริมสิทธิซีรีส์ A ชื่อว่า STRD (Stride Preferred Stock) จำนวน 2.5 ล้านหุ้น โดยตั้งราคาหุ้นละ 100 ดอลลาร์ และให้ผลตอบแทนแบบปันผลปีละ 10% (แต่จะจ่ายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติของบอร์ดบริษัท ซึ่งต้องได้รับการประกาศโดยคณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการที่ได้รับมอบอำนาจก่อนเท่านั้น)
หุ้น STRD นี้จะไม่มีวันหมดอายุ (perpetual preferred stock) และมักได้รับสิทธิ์รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ โดยกลุ่มเป้าหมายในการขายรอบนี้คือ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนบางกลุ่มที่ผ่านเกณฑ์
เงินที่ได้จากการขายหุ้น STRD จะถูกนำไปใช้ซื้อ Bitcoin เพิ่ม รวมถึงใช้เป็นทุนหมุนเวียนในบริษัท ซึ่งหากคิดตามราคาตลาดล่าสุดของ Bitcoin ที่ราว ๆ 106,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ Strategy อาจสามารถซื้อเพิ่มได้อีกประมาณ 2,350 BTC เลยทีเดียว
ปัจจุบัน Strategy ถือ Bitcoin ไว้มากถึง 580,955 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 61.7 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าบริษัทอื่น ๆ ที่ถือครอง Bitcoin รวมกันถึง 2 เท่า ตามข้อมูลจาก BitcoinTreasuries.net
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้น STRD จะไม่ได้รับการการันตีว่า จะได้ปันผลเสมอไป เพราะเงินปันผล 10% นั้นจะจ่ายก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากบอร์ดบริษัท และถ้าไม่ได้จ่ายในรอบนั้น ๆ ก็จะไม่มีการสะสมยอดย้อนหลัง (non-cumulative)
หากวันหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นในบริษัท (fundamental change) ผู้ถือ STRD สามารถขอให้บริษัทซื้อหุ้นคืนได้ ที่ราคาหน้าหุ้น 100 ดอลลาร์ บวกกับปันผลที่ค้างจ่าย (ถ้ามี) และหากในอนาคตหุ้น STRD ที่ยังเหลืออยู่ต่ำกว่า 25% ของจำนวนเดิม บริษัทก็มีสิทธิ์ซื้อหุ้นทั้งหมดคืนเช่นกัน
สำหรับการระดมทุนรอบนี้ Strategy ได้พึ่งพาธนาคาร และบริษัทการเงินชื่อดังหลายราย เช่น Barclays, Morgan Stanley, Moelis & Company และ TD Securities โดยใช้แบบแสดงรายการข้อมูล (shelf registration) ที่ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ แล้ว
พูดง่าย ๆ คือ Michael Saylor ยังไม่หยุดเดินเกมซื้อ Bitcoin และกำลังหา “น้ำมันเติมไฟ” ให้กับกลยุทธ์การสะสม Bitcoin ของเขาอย่างต่อเนื่อง… และคราวนี้ใช้เครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น แทนที่จะขายหุ้นธรรมดาแบบที่ผ่านมา
ซึ่งแผนนี้ก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาชาวเน็ตบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ที่เริ่มตั้งคำถามว่า แล้วนี่มันต่างจาก “แชร์ลูกโซ่” ยังไง ?
โดยงานผู้ใช้งานชื่อ @RhoRider แสดงความคิดเห็นตรงๆ ว่า ถ้า Saylor สนใจจริง ๆ ว่าจะซื้อ Bitcoin ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เขาน่าจะใช้วิธี $MSTR (ออกหุ้นเพิ่มทุน) ไปเรื่อย ๆ จน mNAV (market NAV) ใกล้เคียงกับ 1 เพื่อเอาเงินมาซื้อ $BTC เพิ่ม เหมือนกับที่ ETF ทำกัน
แต่ความจริงแล้ว เขาไม่ได้ขายไอเดียนั้นให้กับนักลงทุนเลย เขากำลังขาย mNAV ที่ถูกปั่นให้สูงตลอดเวลา กับแนวคิด “ผลตอบแทนจาก Bitcoin ต่อหุ้น”
ซึ่งนั่นแหละคือ เหตุผลที่มีคนมองว่า $MSTR คล้ายกับ แชร์ลูกโซ่ (Ponzi scheme) นั่นเอง
ในขณะที่ผู้ใช้งานชื่อ @JacobKinge มองแรงยิ่งกว่า โดยกล่าวว่า Saylor กำลังวนลูปแผน Ponzi เดิม ๆ แบบไม่มีความคิดใหม่อะไรเลย โดยการ “ระดมทุน → ซื้อ BTC → ปั่นกระแสให้ราคาขึ้น → ระดมทุนเพิ่ม → วนไปเรื่อย ๆ” นี่ไม่ใช่การลงทุน แต่มันคือ แผนที่ตั้งอยู่บนความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ด้วยเงินของนักลงทุน ที่มาพร้อมกระแสฮือฮาของ Bitcoin ในโซเชียล
เขามองว่าสิ่งที่ Saylor พูด ไม่ใช่เรื่องของอนาคตทางการเงินที่มั่นคง แต่คือความพยายามจะยืดกลยุทธ์ที่เสี่ยงสุด ๆ ออกไปให้นานที่สุด ก่อนที่ฟองสบู่จะแตก
ที่มา : cointelegraph