ด้วยกระแสการลักพาตัวบุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงการคริปโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักและหาวิธีป้องกันตนเองอย่างจริงจัง รวมถึง “ Bitcoin Family” หรือครอบครัวของ Didi Taihuttu ซึ่งเคยเป็นที่รู้จักจากการตัดสินใจครั้งสำคัญในปี 2017 ด้วยการขายทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อลงทุนในบิตคอยน์ขณะที่ราคายังอยู่ที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงขณะนี้ ครอบครัวดังกล่าวยังคงใช้ชีวิตแบบไร้ถิ่นฐาน เดินทางไปทั่วโลกโดยไม่มีบัญชีธนาคารแม้แต่บัญชีเดียว

แต่หลังจากที่ Didi Taihuttu เริ่มได้รับคำขู่และได้ยินข่าวการลักพาตัวนักลงทุนคริปโตหลายคนในยุโรปและอเมริกา เขาก็ตัดสินใจยกเครื่องระบบเก็บเหรียญของครอบครัวใหม่ทั้งหมด เขาเลิกใช้ hardware wallet แล้วหันมาใช้ระบบที่ผสมผสานระหว่างดิจิทัลและแอนะล็อกแทน
เขาแบ่งรหัส seed phrase ของบิตคอยน์ออกเป็น 4 ชุด แต่ละชุดมี 6 คำ จากนั้นก็นำไปซ่อนไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ บน 4 ทวีปทั่วโลก บางส่วนก็เก็บแบบเข้ารหัสบนบล็อกเชน ส่วนบางส่วนก็ใช้วิธีคลาสสิกอย่างการตอกคำลงบนแผ่นเหล็กกันไฟด้วยค้อนและเครื่องเจาะตัวอักษร

แผ่นเหล็กแผ่นหนึ่งที่ครอบครัว Taihuttu ใช้เก็บ seed phrase ของ Bitcoin ส่วนหนึ่ง
เขายังเสริมอีกว่า แม้จะมีใครมาขู่บังคับเขาถึงที่ ก็ไม่มีทางที่จะได้ seed phrase ไปครบทั้งหมด เพราะต่อให้ได้ไป 18 คำจากทั้งหมด 24 คำ ก็ยังไม่สามารถเข้าถึง Bitcoin ได้อยู่ดี เนื่องจาก Didi Taihuttu ยังใช้วิธีแอบเปลี่ยนคำบางคำใน seed phrase เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ป้องกันไม่ให้คนที่อาจเจอข้อมูลบางส่วนนำไปใช้งานได้
Didi Taihuttu แบ่ง seed phrase เหล่านั้นออกเป็น 4 ชุด ชุดละ 6 คำ และซ่อนไว้ทั่วโลก
เหตุผลที่ Didi Taihuttu เลิกใช้ hardware wallet เกิดจากความไม่เชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะหลังจากที่ Ledger ได้ออกอัปเดตในปี 2023 ซึ่งทำให้ผู้ใช้หลายคนรู้สึกไม่มั่นคงอีกต่อไป เขาเชื่อว่ามันอาจถูกเจาะระบบจากระยะไกลได้
ช่วงหลัง Didi Taihuttu หลีกเลี่ยงการโพสต์คลิปชีวิตประจำวันหรือเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ เพราะเคยมีคนดูจาก YouTube ส่งอีเมลมาบอกว่า “รู้แล้วว่าพักอยู่ที่ไหน” และแนะนำให้ลูกสาวระมัดระวัง นั่นทำให้ครอบครัวต้องรีบย้ายที่อยู่ทันที และตั้งแต่นั้นมาก็เลิกถ่ายทำทุกอย่าง
ปัจจุบัน ประมาณ 65% ของทรัพย์สินคริปโตของครอบครัว Didi Taihuttu ถูกกระจายเก็บไว้ใน cold storage ทั่วโลก ส่วนทรัพย์สินอีกบางส่วนที่ใช้ทำธุรกรรมหรือเทรดในแต่ละวัน จะเก็บไว้ใน hot wallet โดยมีระบบ multi-signature ป้องกันอีกชั้น เช่น การใช้ Safe (หรือ Gnosis Safe เดิม) สำหรับ ETH และเหรียญอื่นๆ
Didi Taihuttu ไม่เชื่อมั่นในการฝากทรัพย์สินไว้กับบริษัทกลางหรือห้องนิรภัยอย่างที่ Xapo ใช้ในสวิตเซอร์แลนด์ เพราะเขามองว่า “ถ้าบริษัทล้มละลายขึ้นมา วันหนึ่งเราจะยังเข้าถึงเงินพวกนั้นได้ไหม?”
แม้ครอบครัว Didi Taihuttu จะถือคริปโตไว้เป็นส่วนใหญ่ เพื่อเก็บเป็นเงินบำนาญระยะยาว แต่ Didi Taihuttu ตั้งเป้าว่าจะไม่แตะต้องพอร์ตนั้นจนกว่า Bitcoin จะพุ่งถึง 1,000,000 ดอลลาร์ภายในปี 2033 เมื่อถึงตอนนั้นเขาถึงจะเดินทางไปรวบรวม seed phrase ที่เก็บไว้ทั่วโลกกลับมา
Didi Taihuttu ยังเปิดเผยว่า เขากำลังเปลี่ยนแนวทางมาใช้ decentralized exchange อย่าง Apex สำหรับการเทรด แทนแพลตฟอร์ม centralized อย่าง Coinbase เพราะต้องการควบคุมสินทรัพย์เองทั้งหมด และลดการพึ่งพาบุคคลที่สามให้มากที่สุด
สุดท้ายนี้ Didi Taihuttu เปิดเผยว่า เขามีเป้าหมายที่จะสร้างมูลค่าทรัพย์สินรวมให้ได้ 100 ล้านดอลลาร์ในรอบตลาดขาขึ้น (bull run) ครั้งนี้ โดยจะยังคงถือ Bitcoin ไว้ถึง 60% ส่วนที่เหลือจะกระจายการลงทุนไปใน ETH, เหรียญ layer-1 อื่นๆ อย่าง Solana, LINK, SUI รวมถึงการลงทุนในโปรเจกต์ AI และแพลตฟอร์มการศึกษาสำหรับเด็กที่เขากำลังพัฒนาเองด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อ Didi Taihuttu ถูกถามว่าอยากลดบทบาทในโลกออนไลน์หรือไม่ เขาตอบว่า “ผมรักการสร้างคอนเทนต์มาก แต่มันก็ต้องคิดให้ดี เพราะถ้ามันไม่ปลอดภัยสำหรับลูกๆ แล้ว ผมต้องคิดถึงพวกเขาเป็นอันดับแรก”
ที่มา : cnbc