<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitlayer เปิดตัว ‘สะพานเชื่อม’ บิตคอยน์! ปลดล็อก BTC สู่โลก DeFi ตั้งเป้าแข่ง Babylon

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitlayer สตาร์ทอัปด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Bitcoin DeFi ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง Franklin Templeton ได้เปิดตัวสะพานเชื่อมต่อสัญญาอัจฉริยะ ( smart contract bridge) บนเครือข่ายหลัก (mainnet) แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ Bitcoin สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น และปลดล็อกสภาพคล่องของ BTC ไปสู่โลก DeFi ที่กว้างขึ้น

สะพานเชื่อมดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า BitVM ถูกออกแบบมาให้เป็น “โซลูชันการเชื่อมต่อที่มีความน่าเชื่อถือสูงและลดการพึ่งพาตัวกลาง” สำหรับผู้ถือ Bitcoin โดยจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถฝาก Bitcoin (BTC) เข้าไปใน smart contract ซึ่งจะถูกแปลงให้เป็น Peg-BTC (YBTC) หรือ Bitcoin ในรูปแบบโทเคน ที่สามารถนำไปใช้งานบนแพลตฟอร์มที่รองรับสัญญาอัจฉริยะได้ โฆษกของ Bitlayer กล่าวกับ Cointelegraph ว่าสะพานเชื่อมใหม่นี้จะ “เข้ามาเติมเต็มระบบนิเวศ DeFi ของ Bitcoin โดยทำให้สภาพคล่องของ BTC ดั้งเดิมสามารถเข้าถึงได้บนเครือข่ายอื่น โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขโค้ดพื้นฐานของ Bitcoin” ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายอย่าง Sui, Base และ Arbitrum แล้ว

การเปิดตัวของ Bitlayer เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความสนใจใน Bitcoin DeFi ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบล็อกเชนอย่าง Ethereum และ Solana จะเป็นที่รู้จักในด้านนี้มากกว่า แต่ช่วงหลังมานี้ Bitcoin ก็เริ่มดึงดูดโปรโตคอล DeFi เข้ามามากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากต้องการที่จะ “สร้างผลตอบแทน” (earn yield) จาก Bitcoin ที่ตนถืออยู่ ทำให้เกิดคู่แข่งในพื้นที่นี้ขึ้นมาหลายราย เช่น BabylonChain (โปรโตคอลสำหรับการ Stake), Stacks และ BounceBit (โปรโตคอลสำหรับการ Restaking)

มูลค่าสินทรัพย์รวมที่ล็อกไว้ (TVL) ของ Babylon Protocol ในช่วงเวลาต่างๆ ที่มา: DefiLlama

ณ วันอังคารที่ผ่านมา โปรโตคอลของ Bitlayer มีมูลค่าสินทรัพย์ที่ล็อกไว้บนเชน (TVL) อยู่ที่ 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมในเดือนมิถุนายนไป 1.7 ล้านดอลลาร์ ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง Babylon Protocol มี TVL ที่สูงกว่ามากถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์

แนวโน้มการเติบโตของ DeFi บน Bitcoin นี้ได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สำคัญสองอย่าง หนึ่งคือการอัปเกรด Taproot ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ Bitcoin ให้รองรับแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และสองคือการมาถึงของ Inscriptions ผ่านโปรโตคอล Ordinals ในช่วงต้นปี 2023 ซึ่งปลดล็อกการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ให้กับเครือข่าย ปัจจุบันมีโปรเจกต์ DeFi ประมาณ 30 โครงการที่กำลังพัฒนาอยู่บนระบบนิเวศของ Bitcoin การเปิดตัวโครงสร้างพื้นฐานอย่างสะพานเชื่อมของ Bitlayer จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของ Bitcoin เพื่อการใช้งานทางการเงินที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต

ที่มา: cointelegraph