กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเปิดเผยรายงานสุดช็อกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยอ้างว่ารัฐบาลของประเทศเอลซัลวาดอร์ “ไม่ได้เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมเลย” นับตั้งแต่ที่ได้ลงนามในข้อตกลงเงินกู้มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนธันวาคม 2024 คำกล่าวอ้างนี้ได้ขัดแย้งโดยตรงกับสิ่งที่รัฐบาลของประธานาธิบดี Nayib Bukele และสำนักงาน Bitcoin แห่งเอลซัลวาดอร์ได้ประกาศต่อสาธารณะมาโดยตลอดว่าประเทศกำลังเข้าซื้อ BTC วันละหนึ่งเหรียญ

รายงานของ IMF ระบุว่าคลัง Bitcoin ของภาครัฐยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และรัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงทางการคลังโดยการลดบทบาทของภาครัฐใน Chivo wallet ซึ่งเป็นวอลเล็ต Bitcoin ของประเทศ คำกล่าวอ้างนี้ได้รับการยืนยันที่หนักแน่นยิ่งขึ้นผ่านจดหมายแสดงเจตจำนงที่แนบมาในรายงาน ซึ่งลงนามโดยประธานธนาคารกลางและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเอลซัลวาดอร์เอง โดยในจดหมายระบุอย่างชัดเจนว่า “เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีภายใต้โครงการ คลัง Bitcoin ที่ถือครองโดยภาครัฐยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” IMF ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า Chivo wallet “ไม่ได้มีการปรับคลังสำรอง Bitcoin เพื่อให้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของเงินฝาก Bitcoin ของลูกค้า” และการที่ไม่เคยขาย BTC ออกมาเลย ทำให้เกิด “ความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย” ที่ทำให้ดูเหมือนว่าภาครัฐกำลังสะสม BTC เพิ่มขึ้น

การเปิดโปงครั้งนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งชุมชน Bitcoin เนื่องจากมันสวนทางกับท่าทีที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่เคยประกาศผ่าน X (ทวิตเตอร์) เมื่อเดือนมีนาคม เพื่อตอบโต้ IMF ว่า “มันจะไม่หยุด ถ้ามันไม่หยุดตอนที่โลกขับไล่ไสส่งเรา… มันก็จะไม่หยุดในตอนนี้ และจะไม่หยุดในอนาคต” ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ของสำนักงาน Bitcoin แห่งเอลซัลวาดอร์ก็ยังคงแสดงภาพกราฟที่บ่งชี้ว่ามีการสะสม BTC เพิ่มขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง การที่ข้อมูลจากสองฝั่งขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงนี้จึงได้สร้างความสับสนและความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ให้กับตลาด และทำลายความเชื่อมั่นในสถานะการเป็นผู้นำด้านการยอมรับ Bitcoin ของเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเคยเป็นความหวังของนักลงทุนทั่วโลก
ที่มา: cointelegraph

