<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Circle เผยกฎหมายใหม่กันไม่ให้ Big Tech ผูกขาด Stablecoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

กฎหมาย GENIUS Act มีบทบัญญัติสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่และสถาบันการเงินวอลล์สตรีทครอบงำตลาด Stablecoin ตามที่ Dante Disparte ประธานฝ่ายกลยุทธ์ของ Circle ให้สัมภาษณ์ในพอดแคสต์ Unchained เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาเปิดเผยว่า กฎหมายฉบับนี้มีสิ่งที่เขาเรียกว่า “ Libra clause” ซึ่งระบุว่าบริษัทที่ไม่ใช่ธนาคาร หากต้องการออกเหรียญดอลลาร์ดิจิทัล จะต้องจัดตั้งนิติบุคคลแยกต่างหากที่มีลักษณะคล้ายกับ Circle มากกว่าจะเป็นธนาคาร พร้อมทั้งต้องผ่านด่านด้านการผูกขาด และต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของกระทรวงการคลังซึ่งมีอำนาจในการยับยั้งการเปิดตัวเหรียญได้

นอกจากนี้ ธนาคารเองก็ไม่ได้รับข้อยกเว้น หากต้องการออก Stablecoin จะต้องแยกสินทรัพย์ไว้ในบริษัทย่อยโดยชัดเจน และต้องเก็บเหรียญไว้ในบัญชีที่ไม่มีการรับความเสี่ยง ไม่ใช้เลเวอเรจ และไม่ปล่อยกู้ ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ Disparte ระบุว่าอนุรักษ์นิยมยิ่งกว่ารูปแบบเหรียญฝากเงิน (deposit-token) ที่สถาบันการเงินอย่าง JPMorgan เคยเสนอมาเสียอีก เขาเสริมว่า กฎระเบียบใหม่นี้จะทำให้ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาด รวมถึงตัวเงินดอลลาร์เองเป็นฝ่ายได้เปรียบ

กฎหมาย GENIUS Act หรือชื่อเต็มว่า “Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins” ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 300 เสียง รวมถึงเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครต 102 คน Disparte มองว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นการเติมพลังให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการแข่งขันด้านสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เขากล่าวว่า “คริปโตในที่สุดก็ได้รับสิ่งที่ต้องการ นั่นคือการได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เส้นทางที่ชัดเจนด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ และโอกาสในการแข่งขัน”

กฎหมายฉบับนี้ยังคงอนุญาตให้ผู้ออก Stablecoin ที่มีสินทรัพย์รวมไม่เกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ อยู่ภายใต้กฎหมายโอนเงินของแต่ละรัฐได้ แต่หากเกินระดับดังกล่าวจะต้องยกระดับเป็นธนาคารทรัสต์ระดับชาติ (national trust-bank charter) นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามสำคัญคือการห้ามไม่ให้ Stablecoin ให้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน รวมถึงกำหนดมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่เข้มงวด และบทลงโทษทางอาญาสำหรับเหรียญที่ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง Disparte กล่าวว่าการทดลองในลักษณะเดียวกับ Terra จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก

อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มนักวิจารณ์แสดงความกังวลว่าการห้ามจ่ายผลตอบแทนอาจทำให้การใช้งาน Stablecoin ลดลง และทำให้ผู้ออกเหรียญจากต่างประเทศได้เปรียบ Disparte โต้แย้งว่า ผลตอบแทนหรือ “Yield” เป็นนวัตกรรมของตลาดรอง และควรเป็นบทบาทของโปรโตคอลการเงินแบบกระจายศูนย์ ( DeFi) ที่จะให้บริการเหล่านี้หลังจากระบบฐานมีเสถียรภาพแล้ว

ที่มา : Cointelegraph