หลังจากเพิ่งซื้อเพิ่มอีก 20 BTC เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยประกาศว่าการสะสม Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้าง Treasury ระยะยาวที่ตั้งเป้าไว้สูงถึง 10,000 BTC ภายในสองปีข้างหน้า
การซื้อรอบล่าสุดมีมูลค่ารวมประมาณ 2.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้ BTC เฉลี่ยที่ราคาประมาณ 106,812 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดในช่วงเดียวกันที่อยู่ระหว่าง 117,000 – 120,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าการถือครองรวมที่ 2.35 ล้านดอลลาร์ และมีผลกำไรยังไม่รับรู้ประมาณ 216,000 ดอลลาร์
ในเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว Genius Group เข้าซื้อ BTC ถึง 4 ครั้ง ได้แก่ 20 BTC เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม, 28 BTC วันที่ 8 กรกฎาคม, 32 BTC วันที่ 13 กรกฎาคม และล่าสุด 20 BTC เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม รวมทั้งหมด 100 BTC ในเดือนเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการวางกลยุทธ์ถือครอง Bitcoin อย่างต่อเนื่อง
เบื้องหลังกลยุทธ์นี้คือการสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้แบบ Web3 ผ่านแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Genius Academy ซึ่งใช้โทเค็นดิจิทัลชื่อ GEMs (Genius Education Merits) ที่ผูกกับ 1 satoshi ต่อ 1 GEM เพื่อมอบรางวัลให้ผู้เรียน โทเค็นนี้ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในขณะนี้ แต่บริษัทมีแผนออก stablecoin ของตนเองและกำลังขอใบอนุญาต PPSI และ DASP เพื่อรองรับการใช้งานโทเค็นเหล่านี้ในอนาคต เช่น การจ่ายค่าเรียน ค่าที่พัก หรือบริการต่าง ๆ ภายในกิจกรรมของ Genius Group
บริษัทชี้ว่ากฎหมาย GENIUS Act ของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ เป็นหนึ่งในแรงผลักสำคัญที่ช่วยสนับสนุนแนวทางการขยายแพลตฟอร์ม Web3 ให้เติบโตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ Genius Group ขยายเข้าสู่ตลาดโลกด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ รายงานจาก Ether Machine ยังระบุว่า Ethereum จะเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตของสินทรัพย์แบบ tokenized ภายใต้ GENIUS Act เพราะกว่า 90% ของสินทรัพย์เหล่านี้อยู่บนเครือข่าย Ethereum ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของระบบ stablecoin ทั่วโลก
Genius Group ยังไม่ใช่บริษัทเดียวที่เดินหน้าถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในคลังของตน บริษัทอื่น ๆ เช่น MicroStrategy, BIT Mining และ DeFi Development Corp. ต่างก็ลงทุนใน Bitcoin, Solana และสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อนำมาใช้ในกลยุทธ์การเงินระยะยาวและลดการพึ่งพาระบบการเงินแบบดั้งเดิม
ที่มา: cryptonews