<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รูปปั้น Satoshi ในเมืองลูกาโน ถูกขโมย ! กลุ่มผู้จัดประกาศตามหา พร้อมเสนอรางวัล 0.1 BTC 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รูปปั้น Satoshi เป็นผลงานที่สร้างขึ้น เพื่อสื่อถึงความลึกลับของผู้สร้าง Bitcoin ได้ถูกขโมยไป จากสวนสาธารณะ Parco Ciani ในเมือง Lugano ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

กลุ่ม Satoshigallery ซึ่งเป็นผู้จัดแสดงผลงานนี้ยืนยันว่า รูปปั้นที่หายไป ถูกขโมยไปจริง และได้ประกาศเสนอรางวัลเป็นเงิน 0.1 BTC (คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ดอลลาร์) ให้แก่ผู้ที่ให้เบาะแสจนสามารถตามรูปปั้นคืนกลับมาได้สำเร็จ

@satoshigallery ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ระบุว่า

“ซาโตชิอยู่ที่ไหน?

เราขอเสนอเงินรางวัล 0.1 BTC ให้แก่ผู้ที่ช่วยเรานำรูปปั้นของซาโตชิ นากาโมโตะที่ถูกขโมยไปเมื่อวานนี้ในเมืองลูกาโนกลับคืนมา

พวกคุณอาจจะขโมยสัญลักษณ์ของเราไปได้ แต่ไม่มีทางที่จะขโมยจิตวิญญาณของเราไปได้

ขอบคุณทุกคนสำหรับข้อความดี ๆ ที่ส่งมาให้ เราทุกคนจะร่วมมือกันในเรื่องนี้ และยังคงเดินหน้าต่อไป มุ่งมั่นที่จะนำรูปปั้นนี้ ไปวางไว้ใน  21 เมืองทั่วโลก

รูปปั้นนี้ถูกออกแบบโดยศิลปินชาวอิตาลี Valentina Picozzi ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน Bitcoin โดยสร้างจากเหล็กกล้าไร้สนิม 304 และบล็อก corten และใช้เวลาศึกษากว่า 18 เดือน และก่อสร้างอีก 3 เดือน 

รูปปั้นนี้ แสดงภาพบุคคลไร้หน้า (faceless figure) ที่กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ โดยถูกออกแบบมาให้ “หายตัว” เมื่อมองจากด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อสะท้อนถึงตัวตนที่ไร้ตัวตนของ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin และแนวคิดที่ว่า

“We are all Satoshi หรือ เราทุกคนคือซาโตชิ”

รูปปั้นนี้ถูกเปิดตัวในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว บริเวณด้านหน้าวิลล่า Ciani ในงาน Plan B Forum งานสัมมนาใหญ่ประจำปีด้านบล็อกเชนซึ่งร่วมจัดโดยเทศบาลเมืองลูกาโนและบริษัทผู้ออก stablecoin อย่าง Tether

นายกเทศมนตรี Michele Foletti เคยกล่าวในวันเปิดตัวว่า “รูปปั้นนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของเมืองลูกาโน ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัล  และรูปปั้นนี้ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติแด่ Satoshi Nakamoto เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความก้าวหน้าที่ขับเคลื่อนเมืองของเรา”

ก่อนหน้านี้ ในปี 2021 ก็มีการเปิดตัว รูปปั้นซาโตชิในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ที่สวน Graphisoft Park รูปปั้นนั้นทำจากทองสัมฤทธิ์ และออกแบบให้ใบหน้าเป็นกระจกสะท้อน เพื่อให้ผู้ชม “เห็นตัวเอง” ในตัวซาโตชิ ซึ่งสื่อถึงแนวคิดเดียวกันว่า “ซาโตชิอาจเป็นใครก็ได้”

ที่มา : cointelegraph