Bitcoin Treasury Company หรือบริษัททุนสำรองบิตคอยน์ เป็นคำศัพท์ใหม่ที่ใช้เรียกบรรดาองค์กรที่มีการเข้าซื้อบิตคอยน์มาเก็บไว้ในคลังสำรองหรืองบดุล ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ซึ่งในปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบัน มีบริษัทจำนวน 161 บริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่ถือ Bitcoin มากกว่า 1 BTC ซึ่งทั้งหมดต่างถือ Bitcoin รวมกันแล้วกว่า 989,926 BTC หรือคิดเป็น 4.7% ของอุปทานสูงสุดของบิตคอยน์

หากใครที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจะพบว่ามีบริษัทจำนวนไม่น้อยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาของหุ้นหลังปรับใช้กลยุทธ์ดังกล่าวตามหัวแถวอย่าง Strategy เช่น Metaplanet แต่ทราบหรือไม่ว่ามีบริษัทจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ฝากความหวังไว้กับกลยุทธ์ดังกล่าวแต่ทำไม่สำเร็จ
ดังนั้น ทางสยามบล็อกเชนจึงจะพาทุกท่านมาดูอีกด้านหนึ่งของเหรียญ ที่มีผู้ชนะแล้วย่อมต้องมีผู้แพ้เช่นกัน
GameStop : 4710 BTC
GameStop ถือเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมและอุปกรณ์เล่นเกมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ และเคยเป็นตำนาน short squeeze ที่นักลงทุนรายย่อยใน reddit ต่างรวมตัวกันล้มเจ้ามือได้สำเร็จ โดยตอนนั้นหุ้นของ GameStop ได้ทะยานขึ้นอย่างรุนแรง

ทว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2025 ทาง GameStop ได้ประกาศความสนใจที่จะลงทุนในบิตคอยน์แต่กระแสตอบรับกลับไม่ได้ดีอย่างที่คาด ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะดีดตัวทันที 12% มาอยู่ที่ $35 ในวันที่ประกาศ แต่พอบริษัทมีการเข้าซื้อจริงราคาหุ้นกลับปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องลงมาถึง $22.79 กลายเป็นว่าเมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้นของ GameStop หลังเข้าซื้อ Bitcoin กลับร่วงลงถึง 27% เสียอย่างนั้น
Empery Digital: 4,019 BTC
ถัดมากับบริษัท Empery Digital ที่คราวนี้ไม่มีประวัติโชกโชนเหมือน GameStop และไม่เคยข้องเกี่ยวกับคริปโตและบล็อกเชนเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจที่จะกระโจนเข้ามาหา Bitcoin ด้วยความคาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือน Strategy ที่เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ มาก่อน หรือ Metaplanet ที่เคยเป็นโรงแรมราคาประหยัด
เดิมทีพวกเขาเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่ชื่อ Volcon และได้พลิกโฉมตนเองมาเป็น Empery Digital และประกาศแผนตั้งทุนสำรอง Bitcoin มูลค่า $500 ล้าน เมื่อนักลงทุนได้ยินข่าวดีราคาหุ้นของบริษัทก็ได้ดีดตัวขึ้นไปถึง $21 ก่อนที่จะร่วงกลับมาในราคาซื้อขายตามปกติที่ระดับ $6-$7 กลายเป็นว่าการเข้าซื้อ Bitcoin ยังไม่สามารถทำราคาหุ้นให้ทะยานขึ้นไปเหนือสถิติสูงสุดเดิมของพวกเขาที่ $35 ได้ด้วยซ้ำ

Sequans Communications: 3,170 BTC
Sequans Communications บริษัท เซมิคอนดักเตอร์จากฝรั่งเศสเป็นบริษัทอีกรายที่ได้ย่างก้าวเข้ามายังโลกของ Bitcoin ด้วยความหวังที่จะกอบกู้ราคาหุ้นของบริษัทที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าซื้อบิตคอยน์ของพวกเขาในเดือนกรกฏาคมก็ทำให้ราคาพุ่งขึ้นจริง จากราคา $1.45 ขึ้นไปสูงถึง $5.39 ต่อหุ้น แต่ทุกอย่างก็สูญสลายไปในไม่ช้าและปัจจุบันราคาหุ้นของพวกเขาก็ร่วงดิ่งเหลือ $0.88 ต่อหุ้น

Vanadi Coffee: 100 BTC
นอกเหนือจากบริษัทเทคโนโลยีทุนหนาแล้วบริษัทกาแฟสัญชาติสเปนอย่าง Vanadi Coffee ก็ให้ความสนใจในบิตคอยน์เช่นเดียวกันแม้จะสามารถเข้าซื้อได้ไม่มากเท่าบริษัทอื่น
ที่น่าสนใจเลยก็คือทาง Vanadi Coffee ถือเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินและภาวะขาดทุน พวกเขาจึงมองหาทางออกด้วยการนำกลยุทธ์ Bitcoin มาใช้ซึ่งมันก็ได้ผลในช่วงเวลาสั้น ๆ หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นกว่า 300% ก่อนที่จะปรับตัวลงมาอย่างหนักแต่ก็ถือว่ายังไม่ใช่จุดต่ำสุดของบริษัทในปีนี้

Ming Shing Group: 833 BTC
พูดถึงฝั่งบริษัทเอเชียกันบ้างกับ Ming Shing Group บริษัทก่อสร้างที่มีฐานอยู่ในฮ่องกง ที่พวกเขาเริ่มเข้าซื้อ Bitcoin มาตั้งแต่เดือนมกราคมและเข้าซื้อต่อเนื่องจาก 500 BTC มาจนถึง 833 BTC ในปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังคงซื้ออย่างต่อเนื่องแต่ราคาหุ้นของพวกเขากลับไม่ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องตาม โดยข้อมูลเผยให้เห็นว่าหุ้นของพวกเขาเหมือนกับบริษัทอื่น ๆ คือพุ่งอย่างรุนแรงไปสู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ $8.50 ในช่วงที่ประกาศแผนเข้าซื้อ ก่อนที่หุ้นจะค่อย ๆ ร่วงลงมาถึง $2.4 ในขณะที่รายงาน

อย่างไรก็ตาม Ming Shing ยังไม่คิดที่จะล้มเลิกความศรัทธาในตัวของบิตคอยน์ โดยพวกเขามีแผนที่จะระดมทุนเพิ่ม $483 ล้านเพื่อเข้าซื้อ 4,250 BTC ซึ่งถ้าทำสำเร็จพวกเขาจะเป็นบริษัทฮ่องกงที่ถือ Bitcoin มากที่สุดแซงหน้า Boyaa Interactive ที่เป็นรองเพียงแค่ Metaplanet เพียงเท่านั้น
K Wave Media: 88 BTC
สุดท้ายนี้กับบริษัทธุรกิจบันเทิงจากเกาหลีใต้อย่าง K Wave ที่พยายามผลักดันบริษัทเข้าหาคริปโตอย่างเต็มสูบไม่ว่าจะเป็นการผนวกรวม lightning network เข้ามาใช้งาน หรือการตั้งคลังสำรอง Bitcoin

อย่างไรก็ตาม K Wave เป็นกรณีพิเศษ เพราะก่อนหน้าที่จะมีการประกาศแผนเข้าซื้อ Bitcoin พวกเขาได้ประสบกับแรงเทขายหุ้นจากการควบรวมบริษัท กลายเป็นว่าต่อให้จะมี Bitcoin เข้ามาราคาหุ้นของพวกเขาก็ยังไม่สามารถไต่ขึ้นมาได้สูงกว่าระดับเดิมได้
จากตัวอย่างที่เราได้แสดงไปข้างต้นได้ชี้ให้เห็นว่ากลยุทธ์การนำ Bitcoin มาปรับใช้นั้นส่งผลต่อราคาหุ้นในตลาดจริง แต่ความยั่งยืนของราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมานั้นไม่ได้มีความมั่นคงเสมอไปในทุกบริษัท ทำให้การตั้ง Bitcoin Treasury นั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่บริษัทจะสามารถใช้มันเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาระยะสั้น แต่บริษัทต้องทุ่มเทความมุ่งมั่นให้กับมันจึงจะส่งผลสำเร็จเหมือนกับ Strategy
ที่มา : Cointelegraph

