ถ้าคุณถามว่า Launchpool/Launchpad บน Binance ทำกำไรจริงไหม? คำตอบคือ “ทำกำไรได้จริง” แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีความเสี่ยง และ ไม่ได้การันตี ว่าทุกโปรเจกต์ที่คุณลงทุนจะทำกำไรเสมอไป โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง ที่สำคัญคือ การลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ ๆ บน Binance เหมาะกับนักลงทุนที่เข้าใจกลไกของ Launchpool และ Launchpad และสามารถบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
Launchpool และ Launchpad คือ แพลตฟอร์มระดมทุนของ Binance ที่มอบโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าร่วมการลงทุนในโปรเจกต์คริปโตใหม่ ๆ ก่อนที่เหรียญจะลิสต์หรือเปิดให้เทรดจริง
โดยในช่วงที่เหรียญเปิดตัว นักลงทุนสามารถได้เหรียญในราคาต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งถือเป็นโอกาสในการทำกำไรสูง แต่ก็ต้องเข้าใจว่า ต้องแลกมาซึ่งความเสี่ยงสูงเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าตลาดเกิดการปรับฐาน
Launchpool vs Launchpad: เลือกแบบไหนดี ?
ที่มาภาพ : brokerxplorer
Launchpool เป็นแบบเสี่ยงน้อย เปรียบเสมือนการฝากประจำของธนาคารที่เราสามารถนำ BNB หรือ FDUSD ที่มีอยู่ไปฝากไว้ใน Pool และได้รับเหรียญใหม่เป็นผลตอบแทน ข้อดีของวิธีนี้คือ คุณสามารถถอนเงินต้นออกมาได้ตลอดเวลา หากราคาของเหรียญใหม่ลดลง คุณก็ยังคงมีเงินต้นอยู่ครบ
Launchpad คือ การซื้อเหรียญใหม่โดยตรง โดยคุณต้องใช้ BNB ในการซื้อและล็อกไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระบบจะทำการแจกจ่ายเหรียญให้ตามสัดส่วนของ BNB ที่คุณล็อกไว้ โดยวิธีนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าเล็กน้อย แต่หากโปรเจกต์ดี คุณก็จะได้รับเหรียญเป็นจำนวนที่มากขึ้น
สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นจาก Launchpool ก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและปลอดภัยกว่า
ตัวเลขจริงของ 5 โปรเจกต์ล่าสุด ทำผลตอบแทนได้เท่าไหร่ ?
จากข้อมูลของ 5 โปรเจกต์ล่าสุดที่ผ่านมา ผลตอบแทนค่อนข้างน่าพอใจสำหรับผู้ที่เข้าลงทุนตั้งแต่วันแรกและขายออกภายใน 30 วัน ดังนี้:
1. SXT
ที่มาภาพ : binance
SXT ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 0.1448 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 0.1616 ดอลลาร์ ภายใน 30 วันแรก ทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนสูงถึงประมาณ 11.60 % ซึ่งถือเป็นกำไรที่ไม่แย่นักสำหรับตลาดที่มีความผันผวน
2. INIT
ที่มาภาพ : coincodex
INIT ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 0.7568 ดอลลาร์ และพุ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1.4419 ดอลลาร์ ภายใน 30 วันแรก ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนสูงถึงประมาณ 90.52% เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเกือบ 1 เท่า จากราคา Launchpool
3. WCT
ที่มาภาพ : binance
WCT ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 0.2855 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 0.6616 ดอลลาร์ ภายใน 30 วันแรก ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนประมาณ 131.73%
4. RED
ที่มาภาพ : binance
RED ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 0.3999 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 1.4560 ดอลลาร์ ภายใน 30 วันแรก ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนประมาณ 264.09% ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีมาก จากการลงทุนในโปรเจกต์นี้
5. USUAL
ที่มาภาพ : binance
USUALราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 0.2844 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 1.6356 ดอลลาร์ ภายใน 30 วันแรก ทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนสูงถึง 474.96%
โดยเฉลี่ยแล้ว หากคุณจับจังหวะดี ๆ การทำกำไร 50-100% ภายใน 30 วันแรกดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากเลย หากเลือกโปรเจกต์ได้ถูกตัว
แล้วทำไมบางคนถึงขาดทุน ?
ปัญหาหลักที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องเจอคือ เรื่อง จังหวะเวลา (Timing) เพราะมักจะตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์ FOMO (Fear of Missing Out) ในตอนที่ราคาพุ่งสูงไปแล้ว แทนที่จะได้เหรียญมาตั้งแต่แรกจาก Launchpool ซึ่งวันแรกที่เหรียญเข้าสู่ตลาด ราคาจะผันผวนอย่างหนัก และอาจปรับขึ้นหรือลงได้อย่างรวดเร็วภายในวันเดียว
อีกเหตุผลหนึ่งคือ การไม่รู้จักทำกำไร หลายคนมักจะถือเหรียญไว้จนราคาร่วงต่ำกว่าต้นทุน เพราะคาดหวังว่าราคาจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเทรดเหรียญใหม่เป็นเกมระยะสั้นที่ต้องรู้จักทำกำไรทีละน้อย
นอกจากนี้ ยังมีบางโปรเจกต์ที่ไม่ได้รับความสนใจจากตลาด หรือเปิดตัวออกมาในช่วงที่ตลาดโดยรวมอยู่ในภาวะซบเซา ซึ่งอาจทำให้ราคาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
กลยุทธ์ “เอาตัวรอด” สำหรับมือใหม่
เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ นี่คือกลยุทธ์ที่คุณควรทำตาม
- ก่อนลงทุน ต้องศึกษาโปรเจกต์ให้ดีก่อน : ทำความเข้าใจว่า โปรเจกต์นั้นทำอะไร ? มีทีมงานเป็นใคร ? และมีการจับมือเป็นพันธมิตรกับใครบ้าง ? โปรเจกต์ที่น่าเชื่อถือส่วนใหญ่มักจะมีบริษัทชื่อดังในวงการให้การสนับสนุน
- วันลิสต์ อย่าเพิ่งรีบเข้าซื้อ : เนื่องจากราคาของเหรียญในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกที่เหรียญเข้าตลาด มักจะมีความผันผวนสูงมาก ให้รอดูจนกว่า ราคาจะหาจุดสมดุลได้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเข้าลงทุน
- วางแผนการขายล่วงหน้า : ก่อนเข้าลงทุน ให้กำหนดเป้าหมายการทำกำไรไว้ล่วงหน้า เช่น ถ้ากำไรถึง 50% ให้ขายออกครึ่งหนึ่ง และหากกำไรถึง 100% ให้ขายเพิ่มอีก 30% ส่วนที่เหลือให้ถือไว้ในระยะยาวหากเป็นโปรเจกต์ที่ดี
- กระจายความเสี่ยง: อย่าลงทุนทั้งหมดในโปรเจกต์เดียว ควรแบ่งเงินไปลงทุนในหลายๆ โปรเจกต์ เพื่อกระจายความเสี่ยง
แนวโน้มปี 2025
ไบแนนซ์ มีนโยบายการคัดเลือกโปรเจกต์ที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อรักษาชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม รวมถึงปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน ซึ่งหมายความว่า โปรเจกต์ที่ได้รับเลือกจะมีคุณภาพที่ดีขึ้น แต่จำนวนอาจน้อยลงกว่าที่ผ่านมา
ในปี 2024 ไบแนนซ์ไม่ได้เปิด Launchpad เลย มีเพียงแต่ Launchpool เท่านั้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ตลาดอยู่ในช่วงปรับฐาน และการคัดเลือกที่เข้มงวดขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2025 นี้ คาดว่า จะมีโปรเจกต์ที่น่าสนใจเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม AI, Gaming และ Infrastructure ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน
สรุป : เล่นได้ แต่ต้องรู้วิธี
Binance Launchpool และ Launchpad เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างกำไรระยะสั้น หากเราเข้าใจวิธีการ และสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม จากข้อมูลที่ผ่านมา โปรเจกต์ส่วนใหญ่มักให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้กำไรทุกครั้ง
สิ่งสำคัญคือ การศึกษาโปรเจกต์, วางแผน และ บริหารเงินลงทุน อย่างรอบคอบ อย่าลงทุนเกินกำลัง และอย่าคาดหวังว่า จะรวยได้ในชั่วข้ามคืน เพราะการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะเหรียญใหม่ ๆ มีความเสี่ยงสูง แต่หากคุณเล่นถูกวิธี ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจได้
โปรดจำไว้ว่า “ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันผลตอบแทนในอนาคต” แต่ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง และกลยุทธ์ที่ดี เราก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับตัวเราเองได้