OpenAI เพิ่งประกาศข่าวใหญ่ในงาน DevDay 2025 ที่ทำให้วงการเทคและคริปโตต้องจับตาอีกครั้ง หลังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Apps SDK” และ “AgentKit” ที่เปลี่ยน ChatGPT จากแค่บอตตอบคำถาม ให้กลายเป็น “แพลตฟอร์มแอปแบบครบวงจร” ที่ผู้พัฒนาสามารถสร้างแอปหรือเอเจนต์อัตโนมัติทำงานอยู่ภายในห้องแชทได้โดยตรง เรียกได้ว่า ChatGPT กำลังกลายร่างเป็น “Super App” แห่งยุค AI อย่างแท้จริง

ที่มาภาพ : reddit
สิ่งที่น่าสนใจคือ OpenAI ไม่ได้แค่เปิดให้เขียนโค้ดต่อ API ธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่ยังเปิดตัว AgentKit ที่ให้คนทั่วไปสามารถ “ลากวาง” สร้างเอเจนต์ AI ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว ผ่านอินเทอร์เฟซแบบ visual ซึ่งผู้พัฒนาสามารถออกแบบกระบวนการคิด วิเคราะห์ ดึงข้อมูล และสั่งการแบบอัตโนมัติได้ภายในระบบของ OpenAI ทั้งหมด เหมือนการสร้าง workflow ของบอทที่ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ ตามคำสั่งของผู้ใช้

ที่มาภาพ : thenewstack
นี่คือก้าวสำคัญที่เปลี่ยน ChatGPT จาก “ผู้ช่วยส่วนตัว” ให้กลายเป็น “ระบบปฏิบัติการใหม่ของ AI” เพราะตอนนี้ แอปต่าง ๆ อย่าง Expedia, Canva หรือ Zillow สามารถรันอยู่ในหน้าต่างแชทเดียวกันกับ ChatGPT ได้เลย เช่น ผู้ใช้งานพิมพ์ว่า “ช่วยหาตั๋วไปโตเกียวอาทิตย์หน้า” แล้ว ChatGPT จะส่งต่อคำสั่งให้ Expedia ทำงาน จากนั้นดึงผลกลับมาให้ในห้องสนทนาได้โดยตรง
แล้วเกี่ยวข้องกับโลกคริปโตอย่างไร ?
การเปิดตัว Apps SDK ของ OpenAI ถือเป็น โอกาสทองสำหรับโปรเจกต์คริปโตและ Web3 เนื่องจากตอนนี้นักพัฒนาสามารถสร้าง “Crypto App” หรือ “ DeFi Assistant” เข้ามาอยู่ใน ChatGPT ได้โดยตรง โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้งานไปโหลดแอปอื่นเพิ่มเติมอีกต่อไป
ยกตัวอย่างเช่น นักพัฒนาโปรเจกต์ DeFi อาจสร้างแอปที่ชื่อ “Crypto Portfolio Tracker” ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ว่า
“วิเคราะห์พอร์ต Metamask ของฉันหน่อยว่า มีเหรียญไหนที่ถือครองเยอะจนเกินไป”
ChatGPT จะทำการเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงิน ผ่าน API แล้วตรวจสอบ Token Balance ทั้งหมด จากนั้นจะแสดงกราฟในพอร์ต พร้อมให้คำแนะนำด้านการจัดการพอร์ตสัดส่วน เช่น “คุณถือครอง PEPE มากกว่า 40% ของพอร์ต แนะนำให้กระจายความเสี่ยงไปถือ ETH หรือ BTC บ้าง”
ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ “ในแชทเดียว” โดยไม่ต้องเปิดเว็บไซต์อื่นเลย
หรืออีกกรณีหนึ่ง นักพัฒนาอาจสร้าง “On-chain Research Agent” ที่เชื่อมต่อกับข้อมูลของ Glassnode, Dune Analytics หรือ DefiLlama เพื่อให้ ChatGPT สามารถดึงข้อมูลบล็อกเชนล่าสุดมาวิเคราะห์ให้ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์สอบถามว่า
“ตอนนี้กระแสเงินลงทุนไหลเข้าออกจาก กองทุน Bitcoin ETF เป็นยังไงบ้าง ?”
หรือถามคำถามว่า “ช่วยดูให้หน่อยว่า มีเจ้ามือรายใหญ่ ย้ายเหรียญจากเว็บเทรด Binance ออกไปยัง Cold Wallet บ้างไหม ?”
AI จะดึงข้อมูลสดๆ จาก API แล้วทำการสรุปเป็นรายงานแบบเรียลไทม์ให้เราทันที ซึ่งในมุมของนักเทรด หรือสื่อสายข่าวคริปโต นี่คือเครื่องมือที่ทรงพลังมาก เพราะมันสามารถรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายจากในหลายแพลตฟอร์ม ให้มารวมอยู่ในหน้าต่างเดียวของ ChatGPT
ตัวอย่างการใช้งานจริงของ “Crypto Apps” ที่อาจเกิดขึ้นบน ChatGPT

ที่มาภาพ : captainaltcoin
- AI Wallet Assistant: ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ว่า “ส่ง 0.01 BTC ไปให้เพื่อน” แล้ว ChatGPT จะใช้ SDK เชื่อมกับ Wallet เพื่อสร้างธุรกรรมอัตโนมัติ พร้อมให้ยืนยันผ่านข้อความเสียง
- NFT Analyzer: ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ชื่อคอลเลกชัน NFT แล้วแอปใน ChatGPT จะดึงข้อมูล floor price, volume, และ rarity แบบสด จาก OpenSea หรือ Blur
- DeFi Yield Tracker : ระบบจะช่วยเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Aave, Curve, หรือ Pendle พร้อมคำนวณผลตอบแทนรายเดือนให้โดยอัตโนมัติ
- Token Launch Watcher: เอเจนต์จะคอยแจ้งเตือน โปรเจกต์ระดมทุนในช่วงเริ่มต้น หรือ airdrop ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงของโปรเจกต์ให้เราได้ทันที
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เพราะ OpenAI Apps SDK เปิดให้สามารถเรียก API ภายนอกได้โดยตรง ซึ่งหมายความว่า ผู้สร้างโปรเจกต์คริปโตสามารถ “ฝังบริการของตัวเอง” เข้าไปใน ChatGPT ได้เลย เช่น Bitkub, Binance, หรือ PancakeSwap ที่อาจมีแอปย่อยของตัวเองใน ChatGPT ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเทรดผ่านข้อความได้โดยตรง เหมือนกับการใช้ Telegram Bot แต่ฉลาดและปลอดภัยกว่า
ยุคต่อไปที่ ChatGPT กลายเป็นศูนย์กลางของ “AI x Web3”

ที่มาภาพ : medium
หากมองภาพใหญ่ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ AI และบล็อกเชนรวมกันเป็นไร้รอยต่อ โดย ChatGPT เป็นแพลตฟอร์มที่คนทั่วโลกใช้งานกันอยู่แล้ว และเมื่อ ChatGPT เปิดให้เชื่อมต่อกับระบบ Web3 ผ่าน SDK หรือ Smart Contract ได้โดยตรง โลกของ “Crypto Agent” ที่สามารถเทรด, วิเคราะห์, สร้าง NFT หรือจัดพอร์ตอัตโนมัติ ก็จะเกิดขึ้นจริงได้
ลองจินตนาการว่า อีกไม่นาน ผู้ใช้งานเพียงแค่พิมพ์ว่า “ซื้อ Bitcoin 100 ดอลลาร์ทุกสัปดาห์ ด้วยกลยุทธ์ DCA และทำการแจ้งเตือนเมื่อราคา Bitcoin ร่วงลงเกิน 5%”
แล้ว ChatGPT ก็จะสร้างเอเจนต์ที่จัดการทุกอย่างให้อัตโนมัติผ่านกระเป๋าเงินของผู้ใช้งาน นี่คือสัญญาณใหญ่ที่อาจเปลี่ยนวิธีที่คนทั่วโลกใช้ “โต้ตอบกับโลกคริปโต” ไปตลอดกาล จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแอป หลายเว็บไซต์ กลายเป็นแค่ “พิมพ์คุยกับ AI ตัวเดียว” ที่สามารถเชื่อมต่อกับทั้งโลก Web3 ได้ครบจบที่เดียว

